Page 107 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 107
106 แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน
มาปราบชาลวัน ซึ่งสื่อถึงการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์อีกเช่นกัน
ครั้นรุ่งเช้าสองเฒ่าเศรษฐีใหญ่ แสนอาลัยธิดามารศรี
จึงร้องเรียกบ่าวข้ามาทันที แล้วเศรษฐีสั่งความไปตามการ
ว่าเมืองนี้หมอดีมีไหมหวา หามาฆ่าจระเข้เดรฉาน
ใครรับได้พามาอย่าช้านาน แม้นทําการสมใจให้รางวัล
(บุษย์, 2521: 28-29)
คําที่ว่าจระเข้เป็นสัตว์เดรัจฉานนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าจระเข้เป็นสัตว์อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งซึ่งแตกต่างจาก
มนุษย์ เพราะคําว่า “เดรัจฉาน” หรือ “เดียรัจฉาน” หมายถึง สัตว์เว้นจากมนุษย์ เช่น หมู หมา วัว ควาย
(มักใช้เป็นคําด่า) (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546: 416) คําพูดของเศรษฐีเมืองพิจิตรจึงแบ่งแยกความเป็น “เขา”
และ “เรา” ระหว่างเผ่าพันธุ์ได้อย่างชัดเจน
การป่าวประกาศในครั้งนี้ส่งผลให้มีหมอจระเข้จํานวนมากเข้ามารับอาสาปราบชาลวัน ซึ่งก่อให้เกิด
ความรุนแรงทางตรงตามมา ส่วนชาลวันเองก็ถือว่าตนเป็นเจ้าแห่งน่านน้ํา จึงมิยอมให้ผู้ใดเข้ามารบกวนถิ่น
ของตนได้ ทําให้ต้องออกไปต่อสู้กับหมอจระเข้ ดังนี้
ฝ่ายกุมภาที่อยู่ในคูหา ต้องมนตราเร่าร้อนสุดผ่อนผัน
รู้ว่ามีหมอมาชาละวัน ไม่นึกพรั่นใจตัวกลัววิชา
จําจะขึ้นไปประหารผลาญชีวาตม์ แล้วมุ่งมาตร์กินเล่นเป็นภักษา
คิดแล้วจากถ้ําพลันมิทันช้า เป็นกุมภาผุดผางขึ้นกลางชล
เจ้าพวกหมอไม่รอพุ่งชะนัก ถูกดังอักไม่เข้าเท่าเส้นขน
กุมภีล์ไล่ไขว่คว้าอลวน ได้หลายคนเลยกินสิ้นชีวา
ที่เหลือตายว่ายน้ําขึ้นตลิ่ง ว่าดุจริงน่ากลัวอ้ายตัวกล้า
ชาละวันครั้นเห็นหมอไม่รอรา เลยกลับมาสู่ถ้ําแสนสําราญ
(บุษย์, 2521: 29)
ความรุนแรงทางตรงเกิดขึ้นเมื่อหมอจระเข้ใช้อาวุธทําร้ายชาลวัน ชาลวันก็ไล่กัดกินหมอจระเข้
เหล่านั้นจนตายไปหลายราย
ในตอนที่ไกรทองต่อสู้กับชาลวันก็เป็นความรุนแรงทางตรงเช่นกัน ทั้งสองใช้กําลังและอาวุธ
ประหัตประหารกัน ชาลวันมีเขี้ยวแก้วและร่างกายใหญ่โตจึงมีฤทธิ์เดชมากกว่าจระเข้อื่น ส่วนไกรทองก็มี
เครื่องมือหรืออาวุธวิเศษเพื่อต่อกรกับชาลวัน ได้แก่ หอกสัตตโลหะ เทียนระเบิดน้ํา และมีดหมอที่ได้รับจาก
อาจารย์ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสังหารชาลวัน ดังคําประพันธ์ที่ว่า