Page 313 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 313

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :1111
                                                                    กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 255

               คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและประกาศก าหนดให้

               หน่วยงานของกระทรวงหรือทบวงในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคหรือส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เป็นผู้
                                    265
               มีอ านาจรับผิดชอบด าเนินการ
                           อันว่าพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 นี้ ได้ถูกตราขึ้นเนื่องด้วยเหตุผลหลักจาก
               รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 54 ที่ใช้อยู่ขณะนั้นได้ก าหนดเกี่ยวกับสิทธิ
               ผู้สูงอายุให้มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติและเพื่อให้ได้กฎหมายที่

               ครอบคลุมทุกด้านส าหรับผู้สูงอายุ ดังนั้นเพื่อให้การด าเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริมและการ
               สนับสนุนต่อสิทธิและประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบทบัญญัติ
               รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดและหลักเกณฑ์หลักของการบริหารประเทศ

                           แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก นิยามของ “ผู้สูงอายุ” ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
               ฉบับนี้ หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุเกินกว่า หกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุที่
               จะได้รับสิทธิต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและจะต้องเป็นสัญชาติ
               ไทยเท่านั้น นั่นหมายความว่า ผู้ที่เดินทางเข้ามาท างานหรือลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทย ไม่สามารถมีสิทธิที่จะ
               ได้รับสวัสดิการและการช่วยเหลือใด ๆ จากรัฐทั้งปวง แม้ว่าจะเป็นผู้ที่เสียภาษีอากรให้รัฐก็ตาม อันแสดงให้

                                                                    266
               เห็นถึงความเหลื่อมล้ า และการเลือกปฏิบัติที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายดังกล่าว
                           (2.2.3) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระท าด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550

                           พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการกระท าความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ
               ในพระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติ 18 มาตรา มีสาระส าคัญก าหนดหลักเกณฑ์กว้าง ๆ เพื่อแก้ปัญหา คือ
               ก าหนดให้ผู้พบเห็นการกระท าความรุนแรงในครอบครัวมีหน้าที่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อาจแจ้งด้วย
               วาจาหรือทางโทรศัพท์ หรือสื่อต่าง ๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีอื่น ๆ ได้ และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ

               เจ้าหน้าที่มีอ านาจในการให้การช่วยเหลือ หรือให้ผู้กระท ารุนแรง เข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์และขอ
               ค าแนะน าจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ จ าคุกไม่เกิน 6
               เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจ าทั้งปรับ และมีบทบัญญัติลงโทษผู้กระท าความรุนแรงในครอบครัว
               และก าหนดให้มีวิธีการช่วยเหลือผู้กระท าความผิด มีการบ าบัดฟื้นฟูผู้กระท าและผู้ถูกกระท า รวมทั้งมีบทห้าม

               การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเรื่องความรุนแรงในครอบครัวต่อสาธารณะ
                           เจตนารมณ์ของมาตรการทางกฎหมายฉบับนี้ เนื่องมาจาก ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
               เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ทั้งยังเกี่ยวพันกับบุคคลที่ใกล้ชิดกันในครอบครัว เป็นปัญหาความ
               รุนแรงที่มีลักษณะแตกต่างจากการท าร้ายร่างกายโดยทั่วไป ซึ่งการน ามาตรการทางอาญาปกติมาใช้บังคับ

               ลงโทษผู้กระท าความผิดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาและป้องกันมิให้เกิดการกระท า


                    265 จาก คู่มือสิทธิผู้สูงอายุ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 (น.5), โดย ส านักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ,
               2557, กรุงเทพฯ: ส านักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ.
                    266 จาก พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 (น.3), โดย มนันญา ภู่แก้ว, กลุ่มงานกฎหมาย 1 ส านักกฎหมาย.
   308   309   310   311   312   313   314   315   316   317   318