Page 248 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 248
190 | รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
ลูกจ้าง นอกจากนี้ยังถือว่าสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาต่างตอบแทน คือ นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง
ต่อเมื่อลูกจ้างท างานให้เท่านั้น แต่ความเป็นจริงในทางปฏิบัติ สถานะของลูกจ้างและนายจ้างในการต่อรองท า
สัญญาอยู่ในสภาพที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยนายจ้างอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าลูกจ้างในการต่อรองและการ
ก าหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ในการท างาน ซึ่งนายจ้างย่อมจะหาช่องทางเพื่อไม่ให้ตนเสียเปรียบ ท าให้เกิดการเอารัด
เอาเปรียบลูกจ้าง จึงอาจกล่าวได้ว่าหลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่มีความเหมาะสม
ต่อสภาพเป็นจริง ที่ลูกจ้างมีสถานะทางเศรษฐกิจต่ ากว่านายจ้างและไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองกับนายจ้างได้
อย่างเท่าเทียมกัน จากปัญหานี้ส่งผลให้ในประเทศไทยมีการตรากฎหมายที่มีความเฉพาะในการคุ้มครอง
แรงงานมากขึ้น ซึ่งจะกล่าวในประเด็นต่อไป
(2.2.2) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
เป็นกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
กฎหมายคุ้มครองแรงงานนี้ เป็นกฎหมายที่ก าหนดมาตรฐานขั้นต่ าเกี่ยวกับการจ้างงานที่นายจ้างพึงปฏิบัติต่อ
ลูกจ้างเพื่อให้ลูกจ้างท างานด้วยความปลอดภัย ได้รับค่าจ้างตอบแทนและมีหลักประกันการท างานที่เหมาะสม
สามารถด ารงชีวิตในสังคมได้ในระดับหนึ่ง และเป็นกฎหมายที่มีแนวคิดเพื่อการสร้างเป็นธรรมในสังคมอันเกิด
จากความไม่เท่าเทียมกันในทางเศรษฐกิจระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง โดยคุ้มครองและอ านวยประโยชน์ให้แก่
ลูกจ้างเนื่องจากมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ด้อยกว่านายจ้าง ดังนั้นหลักการของกฎหมายดังกล่าวจึงมุ่งคุ้มครอง
ลูกจ้างและให้สิทธิแก่ลูกจ้างมากกว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ปัจจุบันแรงงานสูงอายุถือเป็นแรงงานประเภทหนึ่งซึ่งอยู่ในตลาดแรงงาน แต่ตาม
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานนี้ไม่ได้บัญญัติกฎหมายเพื่อคุ้มครองแรงงานสูงอายุไว้เป็นการเฉพาะ เหมือน
การคุ้มครองแรงงานเด็กหรือการคุ้มครองแรงงานหญิง การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานสูงอายุ จึงเป็น
การน าบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานโดยทั่วไปมาใช้บังคับเช่นเดียวกับแรงงานอื่น ๆ ซึ่งจาก
สภาพความเป็นจริงของสังคมแล้วยังมีแรงงานสูงอายุในตลาดแรงงานอยู่เป็นจ านวนมาก ซึ่งผู้สูงอายุเป็นบุคคล
ที่เปราะบางและมีลักษณะพิเศษเช่นเดียวกับเด็ก การน าบทบัญญัติอันมีลักษณะทั่วไปมาบังคับใช้กับแรงงาน
ผู้สูงอายุ จึงอาจยังไม่สอดคล้องและเหมาะสมเท่าที่ควร
(2.2.3) พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2497
เป็นกฎหมายที่ให้หลักประกันและให้ความช่วยเหลือแก่คนสูงอายุ โดยมีการจัดตั้งหลักเกณฑ์
การประกันกรณีชราภาพ ให้ผู้ที่ท างานและต้องเกษียณอายุจะได้รับเงินบ านาญเป็นค่าเลี้ยงชีพ แต่กฎหมาย
ฉบับนี้ไม่มีผลบังคับใช้เนื่องจากขณะนั้นสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมไม่อ านวยให้น ากฎหมายนั้นมาใช้บังคับ
ต่อมาภายหลังได้ออกพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่มีผลบังคับใช้เพื่อ
เป็นหลักประกันและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกจ้างสูงอายุที่ท างาน โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้มีเจตนารมณ์ในการ
สร้างความมั่นคงและหลักประกันให้กับประชาชนที่ท างานและมีรายได้ประจ า โดยให้ความคุ้มครองลูกจ้างใน 7
กรณี เช่น กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยมิใช้เนื่องจากการท างาน กรณีทุพพลภาพมิใช่เนื่องจากการท างาน
กรณีตายมิใช่เนื่องจากการท างาน รวมไปถึงกรณีชราภาพด้วย