Page 138 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 138
131
5.3 ปัญหาทางข้อเท็จจริงของคนไทยพลัดถิ่น
ในการยื่นคำขอพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นถิ่นที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ ตามข้อเท็จจริง
พบว่าสถานะทางกฎหมายของคนไทยพลัดถิ่น ที่สามารถใช้สิทธิยื่นขอพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัด
ถิ่นได้จะมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทยที่เข้ามา ก่อน วันที่ 9 มีนาคม 2519 กลุ่มผู้
พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทยที่เข้ามาหลัง วันที่ 9 มีนาคม 2519 และกลุ่มคนที่มีเชื้อสายไทยที่ได้รับการ
สำรวจจัดทำทะเบียนตามยุทธศาสตร์ การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลในประเทศไทยตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548
นับตั้งแต่พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 ประกาศใช้บังคับ (วันที่ 22 มีนาคม 2555)
บุคคลทั้งสามกลุ่มสามารถยื่นคำขอใช้สิทธิของตนเองได้ทันที แต่หากบุคคลใดขึ้นทะเบียนผิดกลุ่มหรือถูก
จำหน่าย ก็ต้องดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงจะสามารถใช้สิทธิขอคืน
สัญชาติไทย อย่างไรก็ดีในข้อเท็จจริงยังคงพบว่า คนไทยพลัดถิ่นบางส่วนยังไม่สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย
ดังกล่าวได้เนื่องจากตกสำรวจและไม่มีสถานะทางทะเบียน อันทำให้ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอพิสูจน์และรับรอง
ความเป็นคนไทยพลัดถิ่นและยังคงต้องรอการแก้ไขปัญหาจากนโยบายของรัฐต่อไป ส่วนคนไทยพลัดถิ่นที่มี
สถานะตรงกับกลุ่มเป้าหมายตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 และกฎกระทรวงการพิสูจน์
และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น พ.ศ. 2555 ได้แก่ กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นตามมาตรา 9/5 กลุ่มบุตร
ของคนไทยพลัดถิ่นตามมาตรา9/6 และ กลุ่มที่ได้รับการแก้ไขสถานะแล้ว (กลุ่มขึ้นทะเบียนผิดกลุ่ม/จำหน่าย)
พบปัญหาในการยื่นขอพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ดังนี้
1) ข้อจำกัดของคนไทยพลัดถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของปัญหา
ปัญหาจากตัวของคนไทยพลัดถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของปัญหา กล่าวคือ การรู้หนังสือและเข้าใจถึงสิทธิตาม
กฎหมาย รวมถึงสภาพทางเศรษฐกิจของคนไทยพลัดถิ่น ส่งผลต่อกระบวนการพิสูจน์สัญชาติเพื่อขอคืนสัญชาติ
เนื่องด้วยในเรื่องการรับรองสิทธิตามกฎหมายหรือกระบวนการต่าง ๆ ล้วนเป็นถ้อยคำตามภาษากฎหมายที่
ยากต่อการเข้าใจ ทำให้คนไทยพลัดถิ่นจำนวนมาก ไม่ได้ทราบถึงสิทธิของตนตามกฎหมาย รวมถึงการเดินทาง
เพื่อไปติดต่อกับหน่วยงานราชการนั้น คนไทยพลัดถิ่นยังคงมีความเกร็งต่อการเผชิญหน้าต่อเจ้าหน้าที่เพราะ
ด้วยความไม่มีความรู้ จึงทำให้ต้องนำบุคคลที่ไว้วางใจไปช่วยสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ หรือการนำพยานบุคคลมาให้
ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ คนไทยพลัดถิ่นก็ต้องออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งทำให้การติดต่อหน่วยงานในแต่ละครั้งนั้นมี
ค่าใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้ที่คนไทยพลัดถิ่นส่วนใหญ่ได้รับในแต่ละวัน
เนื่องจากข้อจำจัดด้านรายได้ของคนไทยพลัดถิ่น การตรวจสารพันธุกรรม DNA กรณีบุตรขอเพิ่มชื่อ
ตามพ่อหรือแม่ที่ได้รับการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นแล้วนั้น หรือกรณีตรวจความสัมพันธ์ระหว่างพี่-น้อง
หรือญาติลำดับใกล้ชิด พบว่าผลการตรวจสารพันธุกรรม DNA เป็นพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญ
ในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ของการเป็น พ่อ แม่ ลูก พี่-น้องหรือญาติ ซึ่งทำให้คนไทยพลัดถิ่นบางส่วนไม่
สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจสารพันธุกรรม DNA ด้วยตนเองได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการตรวจ