Page 136 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 136

บังคับเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๕ แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน    ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้ว โดยตั้งแต่วันที่
            ในส่วนของประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังไม่มี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ประธาน กสม. ได้มีหนังสือถึง
            บทบัญญัติในความผิดเกี่ยวกับการบังคับบุคคลให้สูญหาย ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด
            ไว้เป็นการเฉพาะ                                  หลายฉบับเพื่อให้ร่วมกันด�าเนินการตาม พ.ร.ป. กสม.
                                                             ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๒๒
                ประมวลกฎหมายอาญาของไทยบางมาตราได้ก�าหนด  เมื่อถึงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ประธานศาลฎีกา
            ฐานความผิดที่ท�าให้สามารถด�าเนินคดีกับผู้กระท�า  และประธานศาลปกครองสูงสุดได้ร่วมกันแต่งตั้ง

            ความผิดที่เกี่ยวกับการทรมานและการบังคับบุคคล  ผู้ท�าหน้าที่เป็นกรรมการชั่วคราวจ�านวน ๔ คน ท�าให้
            ให้สูญหายได้  ในส่วนของการปรับปรุงกฎหมายให้ กสม. ปฏิบัติหน้าที่ได้
          รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
            สอดคล้องกับพันธกรณีตามอนุสัญญา CAT รัฐบาลได้
            จัดท�าร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม  คำาชี้แจง
            การทรมานและการกระท�าให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....        กรณีที่รายงานว่าเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วย
            ซึ่งก�าหนดให้การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (GANHRI) ประเมินสถานะ
            เป็นความผิดอาญา เสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ   ของคณะกรรมการอยู่ในระดับต�่ากว่ามาตรฐาน เนื่องจาก
      สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
            แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติหมดวาระลงก่อน คณะรัฐมนตรี กระบวนการสรรหาคณะกรรมการ และการขาดความเป็น
            จึงได้น�าร่างกฎหมายฉบับนี้กลับมาจัดการรับฟังความเห็น อิสระทางการเมือง



            คำาชี้แจง                                           กสม. ชุดปัจจุบันได้ด�าเนินการเพื่อให้มีการแก้ไข
                กรณีที่รายงานระบุว่า แม้จะมีเสียงเรียกร้องจาก  กฎหมายใน ๒ ประเด็น (กระบวนการสรรหา และ
            ภาคประชาสังคม แต่ทางรัฐบาลยังไม่ได้ด�าเนินการ  ความคุ้มกัน) โดยท�าความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
            อย่างเป็นรูปธรรมในการยุติการด�าเนินคดีเพื่อปิดปาก  ท�าให้บทบัญญัติของ พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ ในส่วนที่
            เพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของประชาชน (SLAPP)   เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและความคุ้มกันในการปฏิบัติ
            ซึ่งกระท�าโดยหน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนเพื่อ  หน้าที่ของ กสม. สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ GANHRI

            ข่มขู่คุกคามนักกิจกรรมและนักรณรงค์ด้านสิทธิ      ส�าหรับปัญหาความล่าช้าในการจัดท�ารายงานการชุมนุม
                                                             ทางการเมืองในประเด็นที่ ๓ กสม. ได้มีการก�าหนด
                ในประเด็นการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน แนวทางการท�างานให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์
            นี้ ส�านักงานศาลยุติธรรมได้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อ  สิทธิมนุษยชนที่ส�าคัญในประเทศได้อย่างทันเหตุการณ์แล้ว
            ป้องกันการด�าเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมี
            ส่วนร่วมของสาธารณชน (SLAPP) โดยเพิ่มเติมประมวล คำาชี้แจง
            กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒ มาตรา ได้แก่ มาตรา      กรณีที่รายงานระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคี
            ๑๖๑/๑ เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจสั่งไม่รับฟ้องคดี  ของอนุสัญญาผู้ลี้ภัย พ.ศ. ๒๔๙๔ หรือพิธีสารผู้ลี้ภัย
            ที่ราษฎรเป็นโจทก์ หากศาลพิจารณาว่าผู้ฟ้องคดีมีเจตนา พ.ศ. ๒๕๑๐ ทางการไทยยังคงปฏิบัติต่อผู้แสวงหา

            ไม่สุจริตหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้งจ�าเลย   ที่พักพิง  รวมถึงผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ลี้ภัย
            และมาตรา ๑๖๕/๒ เพื่อให้จ�าเลยสามารถน�าพยานมาสืบ จากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
            ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง                              เสมือนผู้อพยพที่ผิดกฎหมายซึ่งสามารถจับกุมและให้ออก
                                                             นอกประเทศได้ และทางการไทยปฏิเสธที่จะให้ UNHCR
            คำาชี้แจง                                        ด�าเนินการก�าหนดสถานะผู้ลี้ภัยให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์
                กรณีที่รายงานว่ารัฐบาลยังไม่ได้ด�าเนินการปรับปรุง
            กสม. แม้ว่าการลาออกของสองนักสิทธิมนุษยชนชื่อดัง

            จะส่งผลให้คณะกรรมการมีองค์ประชุมไม่ครบตาม
            กฎหมายตั้งแต่เดือนกรกฎาคมก็ตาม



       134
   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141