Page 128 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 128

(๑) ประเด็นด้านนโยบายและกฎหมาย เห็นว่า   ด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยเร็ว ทั้งในการตรวจรักษา
            แม้ประเทศไทยมีการก�าหนดนโยบายและบัญญัติกฎหมาย ทางร่างกาย การฟื้นฟูสภาพจิตใจ และการจัดให้มี
            ไว้อย่างชัดเจนว่าการกระท�าความรุนแรงทางเพศต่อเด็ก กิจกรรมเพื่อฟื้นฟูหรือพัฒนาตนเอง แม้ว่าจะมีการด�าเนิน
            เป็นการกระท�าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งได้ก�าหนด งานตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายอย่าง
            โครงสร้างและกลไกที่เกี่ยวข้องกับระบบการคุ้มครองเด็ก เคร่งครัด แต่ก็มีประเด็นปัญหาที่ท�าให้การคุ้มครองเด็ก
            ครอบคลุมทั้งในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การคุ้มครอง ไม่อาจด�าเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
            ป้องกันมิให้เด็กถูกใช้ความรุนแรงทางเพศ ขั้นตอนและ

            การด�าเนินการด้านกระบวนการยุติธรรม รวมตลอดทั้ง      (๕) ประเด็นด้านสื่อมวลชน โดยเห็นว่า แม้ปัจจุบัน
            การบ�าบัด ฟื้นฟูและเยียวยาเด็กที่ถูกกระท�าการดังกล่าว  หลักการคุ้มครองสิทธิเด็กที่ถูกกระท�าด้วยความรุนแรง
          รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
            แต่ก็ยังคงมีข้อบกพร่องบางประการซึ่งควรด�าเนินการ ทางเพศจากการน�าเสนอข่าวของสื่อมวลชนจะปรากฏ
            แก้ไขปรับปรุง เช่น ขาดกลไกที่ตอบสนองต่อการแก้ไข ชัดเจนทั้งในด้านกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
            และป้องกันปัญหาในระดับท้องถิ่นหรือชุมชน          เด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการ
                                                             กระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้ง
                (๒) ประเด็นด้านมาตรการป้องกันความรุนแรง  มาตรฐานหรือแนวปฏิบัติซึ่งองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน
      สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
            ทางเพศ เห็นว่า การป้องกันมิให้ครูหรือบุคลากรทาง  ร่วมกันก�าหนดขึ้น แต่ก็ยังคงปรากฏว่ามีการน�าเสนอข่าว
            การศึกษาใช้ความรุนแรงทางเพศต่อเด็ก เป็นกระบวนการ  ที่มีเนื้อหา ความคิดเห็น ภาพ และวิธีการที่ไม่เหมาะสม

            ส�าคัญในการยับยั้งมิให้เกิดปัญหาในลักษณะเดิมขึ้นอีก  และมีลักษณะของการกระท�าอันเป็นการละเมิดซ�้า
            นอกจากนี้ สถาบันครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน และ นอกจากนี้ กรณีการลบประวัติข้อมูลข่าวสารที่กระทบต่อ
            หน่วยงานของรัฐในระดับท้องถิ่น เป็นกลไกที่มีส่วนส�าคัญ ความเป็นอยู่ส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และครอบครัว
            ในการป้องกันมิให้เกิดการกระท�าความรุนแรงทางเพศ  ของเด็ก  ตามหลักสิทธิที่จะถูกลืม  (Right  to  be
            ต่อเด็ก แต่การด�าเนินการของกลไกดังกล่าวยังคงมี  forgotten) ก็ยังไม่มีหน่วยงานหรือระบบการด�าเนินการ
            ข้อบกพร่องและขาดกระบวนการที่ส�าคัญ               อย่างเป็นทางการที่จะประกันการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว



                (๓) ประเด็นด้านกระบวนการยุติธรรม  เห็นว่า       กสม. จึงมีมติให้เสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง
            แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการพัฒนา ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  และมี
            กระบวนการยุติธรรมเพื่อประกันและรับรองสิทธิเด็ก ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ
            จากการถูกกระท�าความรุนแรงทางเพศ  โดยมีการ หรือค�าสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
            บัญญัติกระบวนการและขั้นตอนไว้ตามกฎหมายภายใน  ไปยังคณะรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการ
            โดยเฉพาะ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  คุ้มครองเด็กแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
            และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ แต่ยังพบ ความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการ
            ปัญหาและข้อจ�ากัดในการด�าเนินการ เช่น ขาดการพัฒนา กิจการกระจายเสียง  กิจการโทรทัศน์  และกิจการ
            ช่องทางที่เด็กสามารถเข้าถึงศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือ โทรคมนาคมแห่งชาติ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ

            นักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ กระทรวง สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าว
            ศึกษาธิการ (ศคพ.) ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุ
                                                             และโทรทัศน์ไทย  และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
                (๔) ประเด็นด้านการคุ้มครองและเยียวยาเด็กนักเรียน  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
            ผู้เสียหาย เห็นว่า เมื่อเกิดกรณีกระท�าความรุนแรง  ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๓) และ พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐
            ทางเพศต่อเด็กไม่ว่าบุคคลใดเป็นผู้กระท�า จะต้องมี  มาตรา ๒๖ (๓) และมาตรา ๔๒ เพื่อด�าเนินการ ดังนี้
            การด�าเนินการเพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ








       126
   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133