Page 157 - รายงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ฉบับสมบูรณ์)
P. 157

รายงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะ มาตรการ หรือแนวทางในการส่งเสริมและ
               คุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


               หากผู้ถือครองที่ดินทราบว่าที่ดินที่ตนถือครองอยู่ อาจจะถูกพรากไปในวันใดวันหนึ่งก็ได้ ย่อมท าให้ไม่มี

               แรงจูงใจที่จะก่อประโยชน์ใดในที่ดินเลย

                       ดังนั้น รัฐจะต้องด าเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการถือครองที่ดิน ดังนี้

                       −  ต้องมีการก าหนดบทสันนิษฐานเพื่อรับรองสิทธิการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างไม่เป็น

                          ทางการ

                       −  การให้สิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐ จะต้องมีระยะเวลาเพียงพอเหมาะสมแก่กับประโยชน์
                          ตอนแทนที่จะมีการลงทุนในที่ดินนั้น

                       −  ให้การบังคับอพยพเป็นมาตรการสุดท้าย หากมีความจ าเป็นต้องบังคับอพยพ รัฐต้องมีมาตรการ
                          เยียวยาที่เหมาะสมส าหรับผู้ที่ไม่สามารถหาที่ดินในการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานได้เอง



               5.3  การรับรองกติกาของชุมชนและการก าหนดขอบเขตทรัพยากร


                       จากการศึกษาสภาพปัญหาในบทที่ 4 พบว่าแนวคิดในการใช้ประโยชน์ที่ดินนั้นมีความแตกต่างกัน
               ในแต่ละพื้นที่ ฐานคิดที่ใช้ในการก าหนดนโยบายและกฎหมายในการใช้ประโยชน์ในที่ดินเป็นฐานคิดแบบ

               รวมศูนย์อ านาจส่งผลให้นโยบายและกฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างจาก

               ส่วนกลาง ประกอบกับแนวคิดชุมชนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ชุมชนเป็นหน่วยทางสังคมที่มีอยู่โดยจารีต
                                                                         7
               ประเพณีท้องถิ่น ไม่ต้องอาศัยการรับรองโดยบทบัญญัติทางกฎหมาย  ซึ่งรัฐจะต้องตระหนักถึงปรากฏการณ์
               ทางสังคมนี้ เพื่อประโยชน์ในการสร้างกติกาบริหารจัดการที่สอดคล้องกับพื้นที่และรับรองสิทธิของบุคคลหรือ

               ชุมชนในพื้นที่นั้น

                       สิทธิในการรวมกลุ่มและมีส่วนร่วมในการก าหนดกติกาการจัดการทรัพยากร

                       สิทธิในการรวมกลุ่มได้ถูกรับรองไว้โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 42

               ซึ่งกล่าวถึงเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์กร ชุมชน หรือหมู่คณะอื่น โดยที่รัฐมีหน้าที่
               สนับสนุนการใช้สิทธิและการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

               มาตรา 57 ในการที่จะบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

                       เนื่องจากการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตป่า มีความแตกต่าง

               ทางนิเวศในแต่ละพื้นที่ ประกอบกับชุมชนที่อาศัยในเขตพื้นที่ป่าต่างก็มีวิถีชีวิต จารีต และภูมิปัญญาท้องถิ่น
               ซึ่งสร้างขึ้นโดยกระบวนการเรียนรู้แบบกลุ่มจากการอยู่อาศัยพึ่งพิงนิเวศนั้น จึงมีความเหมาะสมสอดคล้องและ

               มีการวางแผนในระยะยาว  อย่างไรก็ตาม กติกาการใช้ทรัพยากรซึ่งถูกสร้างจากฐานสิทธิในการรวมกลุ่มเป็น





               7    พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 ได้นิยามค าว่า ชุมชน คือ กลุ่มประชาชนที่รวมตัวกันโดยมีผลประโยชน์และ
                   วัตถุประสงค์ร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนกันหรือท ากิจกรรมอันชอบด้วยกฎหมาย หรือด าเนินการอื่นอันเป็นประโยชน์ของ
                   สมาชิก มีการด าเนินการอย่างต่อเนื่องและมีระบบบริหารจัดการและการแสดงเจตนาแทนกลุ่มได้



               5-8                                                              สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
   152   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162