Page 152 - รายงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ฉบับสมบูรณ์)
P. 152
บทที่ 5
แนวทางในการรับรองการให้สิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
5.1 การเข้าถึงสิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดินขั้นพื้นฐาน
จากการศึกษาเรื่องสิทธิมนุษยชนกับที่ดิน (Land and Human Rights) ในบทที่ 2 นั้น พบว่า แม้สิทธิ
ในที่ดินจะยังไม่ได้รับการรับรองไว้ในตราสารระหว่างประเทศโดยชัดเจน แต่การละเมิดสิทธิในที่ดินหรือการที่
สิทธิในที่ดินของบุคคลหรือชุมชนไม่ได้รับการคุ้มครองนั้น ส่งผลให้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายประการ
ดังนั้น การคุ้มครองสิทธิในที่ดินไม่ให้ถูกละเมิดย่อมเป็นการรับประกันการมีสิทธิมนุษยชนและการใช้สิทธิ
ขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญในที่ดิน ซึ่งปัจจุบันมีการละเมิดโดยการบังคับอพยพหรือลิดรอนสิทธิบางประการ
ไม่ว่าจากนโยบายหรือกฎหมาย ได้แก่ สิทธิในการเข้าถึงอาหาร สิทธิในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย สิทธิในการ
ประกอบอาชีพ สิทธิทางวัฒนธรรม รวมถึงสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญที่มีสิทธิในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการ
บ ารุงรักษา ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สิทธิในการเข้าถึงอาหาร สิทธิในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย และสิทธิในการประกอบอาชีพ
ซึ่งผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐต้องการการรับรองสิทธิขั้นพื้นฐาน อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
(1) ชุมชนซึ่งอาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐก่อนการประกาศเป็นที่ดินของรัฐ (2) ผู้ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจต่ า
ซึ่งเข้าไม่ถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินในระบบตลาด และ (3) ผู้ที่อยู่อาศัยตามความเป็นจริงแต่มิได้มีสิทธิตามกฎหมาย
กลุ่มแรก คือชุมชนซึ่งอาศัยอยู่หรือใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐก่อนการประกาศเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งมัก
เป็นปัญหาในพื้นที่ป่าไม้และเขตอุทยานที่เมื่อมีการประกาศเขตแล้วเป็นการลิดรอนสิทธิในการเข้าถึงอาหาร
ที่อยู่อาศัย และสิทธิในการประกอบอาชีพซึ่งเคยมีมาอยู่ก่อน ย่อมต้องถือว่าชุมชนที่อยู่มาก่อนมีสิทธิดีกว่า
ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 ดังนั้น การจับกุม ไล่รื้อ หรือยึดอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพจึงไม่
ชอบธรรม และการพิสูจน์สิทธิจะต้องไม่ยึดอยู่กับเอกสารสิทธิเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นการถือครอง
ใช้ประโยชน์ที่ไม่เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากพื้นที่ดังกล่าวมีข้อจ ากัดอื่น เช่น เป็นแหล่งทรัพยากรหรือเป็น
พื้นที่อนุรักษ์ เป็นต้น รัฐย่อมสามารถสร้างกติกาในการบริหารจัดการร่วมกับชุมชนได้ ดังจะได้กล่าวต่อไป
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่มิใช่ชุมชนที่อยู่มาก่อนการประกาศเขตและเป็นผู้ยากไร้ การพิจารณาความยากไร้
หรือความยากจนนั้นมีความซับซ้อนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่แต่ละคน ท าให้ขาดมาตรฐานในการบังคับใช้
รวมถึงการยกเว้นให้คนจนสามารถอยู่ในที่ดินของรัฐได้นั้นเป็นการรับความช่วยเหลือจากรัฐที่จ าเป็นต้องมี
เกณฑ์มาตรฐานที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น การใช้เส้นความยากจน การก าหนดเพดานรายได้ครัวเรือน
หรือการรับความช่วยเหลืออย่างอื่นจากรัฐ อาทิ เบี้ยคนว่างงาน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น
นอกจากนี้ การจัดหาที่ดินเพื่อให้ผู้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจต่ าได้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพ เป็น
เรื่องการจัดสรรที่ดิน โดยที่ดินหรือที่อยู่อาศัยที่น ามาจัดสรรนั้นต้องมีลักษณะเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior
goods) เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงเข้าลงทุน แต่ต้องมีทรัพยากรหรือสาธารณูปโภค
ที่เพียงพอกับสิทธิขั้นพื้นฐานในการด ารงชีวิต อาทิ แนวคิดของที่ดินปฏิรูปเกษตรกรรมที่น าพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
มาใช้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลี้ยงชีพได้ชั่วคราว ให้ตั้งตัวได้แล้วจึงสามารถขยับฐานะเพื่อไปอยู่ในพื้นที่
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย 5-3