Page 67 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2561
P. 67

รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๑



          ติดตามรายงานสถานะของคดีทรมานและการบังคับ            จะเสนอให้องค์การสหประชาชาติทราบต่อไป นอกจากนี้
          ให้หายสาบสูญ  โดยเน้นการตรวจสอบสถานะคดี             คณะอนุกรรมการป้องกันการกระท�าทรมานและบังคับ
          การบังคับบุคคลให้สูญหายที่อยู่ในความสนใจของ         ให้หายสาบสูญ ได้ฝึกอบรมหน่วยงาน คณะอนุกรรมการ
          องค์การสหประชาชาติ  จ�านวน  ๘๒  คดี  ๒)  คณะ        และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย  เพื่อให้

          อนุกรรมการเยียวยากรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับ     สามารถปฏิบัติงานได้ตามแนวทาง มาตรการ และกลไก
          ให้หายสาบสูญ  มีอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ    ที่คณะกรรมการฯ ก�าหนด ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจ
                       ๕๙
          เป็นประธาน ท�าหน้าที่ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการเยียวยา  เกี่ยวกับอนุสัญญา CAT และ CPED รวมทั้งเพื่อเป็น
          เหยื่อจากการทรมานและการบังคับให้หายสาบสูญ           การป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ละเมิดข้อบทในอนุสัญญาดังกล่าว

          ๓) คณะอนุกรรมการป้องกันการกระท�าทรมานและบังคับ      โดยมีการด�าเนินการลงพื้นที่แล้วจ�านวน  ๕  ภูมิภาค
          ให้หายสาบสูญ มีศาสตราจารย์ณรงค์  ใจหาญ              รวมจ�านวน ๒๕๐ คน  ๖๒
                         ๖๐
          เป็นประธาน ท�าหน้าที่อบรมหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์
          และคณะอนุกรรมการคัดกรองฯ จัดท�าคู่มือการคัดกรอง     ๒.  สถานการณ์และความคืบหน้ากรณีกล่าวอ้างว่า

          คดีทรมานและบังคับบุคคลให้หายสาบสูญ และหารือ         ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกระท�าทรมานหรือบังคับให้สูญหาย
          เชิงนโยบาย  รวมถึงจัดท�าบันทึกความตกลงร่วมกับ
          หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ๔) คณะอนุกรรมการคัดกรอง   ในปี ๒๕๖๑ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับ
          กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ          การกระท�าทรมาน จ�านวน ๒๐ ค�าร้อง ซึ่งส่วนใหญ่
                                                       ๖๑
          แยกตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ จ�านวน ๖ ชุด         กล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารท�าร้ายร่างกายหรือซ้อม
          มีผู้อ�านวยการส�านักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประจ�า   ทรมานระหว่างควบคุมตัวเพื่อให้รับสารภาพในความผิด
          ภูมิภาค เป็นประธาน ท�าหน้าที่ในการคัดกรองค�าร้อง    ที่ถูกกล่าวหา เช่น ค�าร้องที่ ๔/๒๕๖๑ กรณีกล่าวอ้างว่า
          กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ          เจ้าหน้าที่ทหารซ้อมทรมานและท�าร้ายร่างกาย

          หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในอนุสัญญา CAT หรือ CPED       เพื่อบังคับให้รับสารภาพ ค�าร้องที่ ๕๕/๒๕๖๑ กรณี
          จะส่งให้กับคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบฯ
          พิจารณา ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์จะประสาน
          หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป



          จากการด�าเนินการของคณะกรรมการจัดการเรื่องราว
          ร้องทุกข์กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หาย
          สาบสูญข้างต้นปรากฏข้อมูลว่า การติดตามความคืบหน้า

          คนที่ถูกบังคับให้หายสาบสูญที่มีการร้องเรียนต่อ
          องค์การสหประชาชาตินั้น มีหลักฐานที่สามารถยืนยัน
          ได้ว่าไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในบัญชีคนถูกบังคับให้หายสาบสูญ
          ขององค์การสหประชาชาติ จ�านวน ๑๗ ราย (เนื่องจาก

          สาเหตุเสียชีวิต/ชื่อซ�้า/อยู่ในเรือนจ�า/มีชีวิตปกติ) และ
          มีความคืบหน้าทางด้านอ�านวยความยุติธรรมและ
          การช่วยเหลือเยียวยาอีกจ�านวน ๖๖ ราย ซึ่งคณะกรรมการฯ



          ๕๙  ค�าสั่งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ที่ ๒/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐.
          ๖๐  ค�าสั่งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ที่ ๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐.
          ๖๑  ค�าสั่งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระท�าทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ที่ ๑/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑.
          ๖๒  สรุปผลการด�าเนินงานสิทธิมนุษยชนที่ส�าคัญของประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างปี ๒๕๕๗ – ๒๕๖๑ (น. ๓๘ – ๓๙), โดย กระทรวงยุติธรรม
          กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, ๒๕๖๑, กรุงเทพฯ: กระทรวงยุติธรรม. ลิขสิทธิ์ ๒๕๖๑ โดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม.


       66
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72