Page 595 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 595
571
5.1.1.2 กรณีมีความคาบเกี่ยวระหว่างการเลือกปฏิบัติกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น
จากการศึกษาวิเคราะห์ค าร้องและการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรอบของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาตินั้น พบว่ามีหลายกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการ “เลือกปฏิบัติ” เกิดขึ้น
ซึ่งมักเป็นกรณีการน าข้อเท็จจริงสองข้อเท็จจริงมาเปรียบเทียบกันว่ามีการปฏิบัติต่อข้อเท็จจริงดังกล่าว
แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามหากพิจารณาภายใต้กรอบของกฎหมายสิทธิมนุษยชนแล้วจะเห็นได้ว่า ในหลาย
กรณีตามค าร้องนั้น การปฏิบัติแตกต่างกันดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ”
ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน หรืออาจพิจารณาว่าเป็นการอ้างเหตุที่กว้างกว่ากฎหมายสิทธิมนุษยชน หรือ
เป็นกรณีของกฎเกณฑ์หรือการปฏิบัติที่เป็นกลาง (Neutral) ซึ่งมีผลเป็นการปฏิบัติหรือบังคับกับทุกคน
เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปฏิบัติที่พิพาทดังกล่าวจะไม่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายสิทธิมนุษยชน
เกี่ยวกับการห้ามเลือกปฏิบัติ แต่ก็ยังสามารถอยู่ในขอบเขตอ านาจการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติได้ เพราะอาจเป็นการกระทบ “สิทธิมนุษยชน” ในแง่อื่นๆ ของผู้ร้อง “ที่ได้รับการ
รับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือ ตามกฎหมายไทย หรือ ตามสนธิสัญญาที่
3
ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม” เช่น การปฏิบัติที่แตกต่างกันอันกระทบต่อเสรีภาพในการ
แสดงออกทางศาสนา การปฏิบัติที่กระทบต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว เสรีภาพใน
การสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งอาจสรุปจ าแนกได้ 4 กรณีย่อยดังนี้
(1). กรณีที่อาจคาบเกี่ยวระหว่างการเลือกปฏิบัติกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือสิทธิใน
ความเป็นอยู่ส่วนตัว เช่น กรณีการน าร่างของผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์มาจัดแสดง พร้อมทั้งเขียนชื่อ-นาม
สุกล ประวัติ อาชีพ ของผู้ตาย ทั้งเป็นร่างที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้า ( ค าร้องที่ 484/2552) กรณีนี้จะเห็นได้ว่า
กรณีนี้แม้ว่าจะเป็นกรณีเกี่ยวข้องกับ “ผู้ป่วยโรคเอดส์” ซึ่งสามารถจัดอยู่ในเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ แต่ก็
ไม่ปรากฏว่ามีประเด็นการเปรียบเทียบระหว่างบุคคลเหมือนกันที่ได้รับการปฏิบัติแตกต่างกัน จึงไม่
เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสุขภาพ จึงต้องพิจารณาว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เช่น
สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล หรือไม่ หรือในกรณีค าร้องเกี่ยวกับการค้นตัวพนักงาน (ค าร้องที่ 45/2555,
รายงานผลการพิจารณาที่ 196/2556) ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีการปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างพนักงานหญิง
และชาย แต่อาจกระทบสิทธิส่วนบุคคลในเนื้อตัวร่างกาย เช่นเดียวกับกรณีค าร้องเกี่ยวกับภาคเอกชนท า
การค้นตัวผู้เข้าชมคอมเสิร์ตซึ่งมีการใช้มือสัมผัสบริเวณหน้าอก อวัยวะเพศ กรณีนี้แม้เกี่ยวข้องกับเหตุแห่ง
“เพศ” แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการปฏิบัติที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็น
ว่า วิธีการตรวจค้นโดยใช้มือสัมผัสร่างกาย อาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน (รายงานผลการ
พิจารณาที่ 952/2558) กรณีนี้จะเห็นได้ว่า มีความเกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนด้านอื่นนอกจากการเลือก
ปฏิบัติ โดยเฉพาะสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวและเนื้อตัวร่างกาย
3 พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 , มาตรา 3

