Page 591 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 591
567
รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 และ 30 เนื่องจากบัญญัติให้ผู้รับโอนต้องรับผิดในฐานะลูกหนี้ร่วมกับผู้โอนในภาษีที่
ค้างช าระ “ไม่ว่าจะรับโอนมาด้วยเหตุใดๆ” ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวตราขึ้นเพื่อให้รัฐโดย
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหารายได้จากการจัดเก็บภาษีอันเป็นกิจการเพื่อสาธารณะประโยชน์ กฎหมาย
ดังกล่าวจึงเป็นบทกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญก าหนดและเท่าที่จ าเป็น ไม่กระทบกระเทือน
สาระส าคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปมิได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง
หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ใช้กับบุคคลโดยเสมอกันและให้ความคุ้มครองแก่บุคคลอย่างเท่า
เทียมกันไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล... (ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 41/2548) จะเห็น
ได้ว่า กรณีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการน าผลประโยชน์ของรัฐมาชั่งน้ าหนักประกอบด้วย อันเป็นอีกเหตุหนึ่งซึ่ง
ท าให้ข้อเท็จจริงลักษณะนี้แม้มีการปฏิบัติที่แตกต่างกันแต่ไม่จัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิ
มนุษยชน
อาจสรุปได้ว่า ในบริบทของศาลรัฐธรรมนูญนั้น หลายคดีมีการกล่าวอ้างว่าเกิดการเลือกปฏิบัติใน
ขอบเขตที่กว้างกว่าการเลือกปฏิบัติตามนัยกฎหมายสิทธิมนุษยชน แต่แม้ศาลจะตัดสินว่าไม่เป็นการเลือก
ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ในหลายคดีก็มิได้ให้เหตุผลในการวินิจฉัยชัดเจนลงไปว่ากรณีเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ
“เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ” อย่างไรก็ตามจากค าพิพากษาหลายคดีก็ชี้ให้เห็นว่าศาลน าองค์ประกอบอื่น
ของการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนมาปรับใช้ เช่น การชั่งน้ าหนักระหว่างประโยชน์
อื่นที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง เป็นต้น
(4) การปฏิบัติที่แตกต่างกัน อันไม่อยู่ในขอบเขตกฎหมายสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการห้ามเลือก
ปฏิบัติ : กรณีค าวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ คณะกรรมการกฤษฎีกา
ก่อนที่จะมีการจัดตั้งศาลปกครอง มีค าร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ คณะกรรมการ
กฤษฎีกาซึ่งเกี่ยวข้องกับการกล่าวอ้างว่ามีการ “เลือกปฏิบัติ” เช่น กรณีหลักเกณฑ์การรับนักเรียนที่
ก าหนดคุณสมบัติบางประการ คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์เห็นว่า หลักเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนของ
โรงเรียน ส. ที่พิจารณารับบุตรของผู้ปกครองที่สนับสนุนช่วยเหลือกิจการโรงเรียน หรือ เป็นบุตรหลาน
อาจารย์ในโรงเรียน หรือ เด็กที่ผู้ผากให้การสนับสนุนโรงเรียน ฯลฯ “เป็นหลักเกณฑ์ที่ให้ความได้เปรียบ
แก่บุคคลบางกลุ่ม ....เป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนใช้ดุลพินิจได้ตามอ าเภอใจ อันเป็นการเลือกปฏิบัติให้
เป็นคุณแก่บุคคลบางกลุ่มเท่านั้น จึงไม่เป็นธรรมต่อนักเรียนที่สมัครสอบคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนโดย
ทั่วหน้ากัน อันเป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาคของบุคคลที่จะเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนของรัฐ” (ค า
วินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ที่ 25/2543) หากพิจารณาในกรอบกฎหมายสิทธิมนุษยชนจะ
เห็นได้ว่า เหตุแห่งการปฏิบัติที่แตกต่างดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ เช่น
เชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา ฯลฯ แต่หากมีข้อเท็จจริงว่า การคัดเลือกเฉพาะนักเรียนที่ผู้ปกครองหรือผู้
ฝากให้การ “สนับสนุน” โรงเรียน โดยมีการบริจาคทรัพย์สิน อาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติแตกต่างกันด้วย
เหตุ “ฐานะทางเศรษฐกิจ” หรือในกรณีการคัดเลือกนักเรียนที่สืบเชื้อสายจากอาจารย์ในโรงเรียน อาจ

