Page 600 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 600
576
ก็คือ กรณีที่นอกเหนือจาก (1)-(4) นั่นคือ กรณีการเลือกปฏิบัติในขอบเขตของกฎหมายสิทธิมนุษยชน แต่
ตามกฎหมายไทยปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมถึง ดังจะได้จ าแนกสรุปต่อไปในหัวข้อ 5.2
5.1.2 การเลือกปฏิบัติที่กฎหมายไทยยังไม่ครอบคลุมถึง
จากการสรุปในหัวข้อ 5.1 จะเห็นได้ว่า กรณีที่มีการกล่าวอ้างและมีการพิจารณาว่าเป็น “การ
เลือกปฏิบัติ” นั้น หลายกรณีไม่จัดเป็นการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะต้องพิจารณาใน
บริบทกฎหมายอื่นต่อไป อย่างไรก็ตาม ส าหรับประเด็นที่ว่า การปฏิบัติแตกต่างกันอันจัดอยู่ในขอบเขต
ของ “การเลือกปฏิบัติ” ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนนั้น กฎหมายไทยปัจจุบันมีขอบเขตครอบคลุมกรณี
เหล่านั้นเพียงใด จะได้สรุปในหัวข้อนี้ โดยจะเริ่มจากการสรุปวิเคราะห์เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติด้วยการ
เปรียบเทียบกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและกฎหมายต่างประเทศกับกฎหมายไทยในหัวข้อ
5.1.2.1 จากนั้นจะสรุปวิเคราะห์ขอบเขตกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันว่าครอบคลุมการเลือกปฏิบัติ
ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนเพียงใดในหัวข้อ 5.1.2.2 หลังจากนั้นจะสรุปรูปแบบกฎหมายเกี่ยวกับการ
ห้ามเลือกปฏิบัติในหัวข้อ 5.1.2.3 เพื่อน าไปสู่ข้อเสนอแนะต่อไป
5.1.2.1 สรุปวิเคราะห์เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ
การเลือกปฏิบัติในขอบเขตของการวิจัยนี้เป็นการพิจารณาในกรอบกฎหมายสิทธิมนุษยชน ดังนั้น
องค์ประกอบส าคัญที่ท าให้การปฏิบัติอันแตกต่าง (Distinction หรือ Differentiation) ถือเป็นการเลือก
ปฏิบัติ (Discrimination) คือการปฏิบัติอันแตกต่างนั้นต้องสืบเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือก
ปฏิบัติ (Discrimination Grounds) ซึ่งเหตุดังกล่าวมีการระบุไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมาย
ต่างประเทศ จากการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายดังกล่าวเปรียบเทียบกับกฎหมายไทย อาจจ าแนกสรุปได้ 4
กรณีดังนี้
(1) เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติที่รัฐธรรมนูญของไทยก าหนดในลักษณะที่กว้างกว่าหรือเพิ่มเติมจากที่
กฎหมายระหว่างประเทศระบุไว้ เช่น “การศึกษาอบรม” “สถานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม” อย่างไรก็
ตามอาจพิจารณาได้ว่าเหตุดังกล่าวอาจจัดอยู่ในความหมายของ “สถานะอื่น” ตามกฎหมายระหว่าง
ประเทศได้ นอกจากนี้ส าหรับกรณี “สภาพทางกายหรือสุขภาพ” นั้นมีความหมายแตกต่างจาก “ความ
พิการ” โดยอาจรวมถึงสภาพทางกายต่างๆ เช่น น้ าหนัก ความสูง หรือการเจ็บป่วยเป็นโรคบางอย่างซึ่งไม่
จัดอยู่ในความหมายของ “ความพิการ” ได้ด้วย หรือในกรณีเหตุ “วัยรุ่น” (บุคคลอายุเกินสิบปีบริบูรณ์
แต่ยังไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์) ไม่มีการก าหนดไว้ในกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบันไทยมี
กฎหมายเฉพาะวางหลัก “ห้ามเลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุดังกล่าว (พระราชบัญญัติการป้องกันและ
แก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559) จึงอาจจัดว่าเป็นเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติที่กว้างกว่า
กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามในอีกมุมมองหนึ่งอาจจัดอยู่ในเหตุ “อายุ”

