Page 598 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 598

574


                  ความเสมอภาคดังกล่าว  จะเห็นได้ว่าการเลือกปฏิบัติในกรณีนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ

                  ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน  (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.22/2551)    เช่นเดียวกับกรณีค าสั่ง
                  ทางปกครองก าหนดเงื่อนไขในการได้รับบริการจากภาครัฐโดยส่งผลเป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างผู้

                  ขอใช้บริการ ด้วยเหตุแห่งการเป็นผู้เช่าหรือผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน  ซึ่งเหตุดังกล่าวนี้มิได้จัดอยู่ในเหตุ

                  แห่งการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน ดังเช่น เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ   แต่ศาลปกครองก็
                  ตัดสินว่า กรณีเช่นนี้จะมีการก าหนดเงื่อนไขอันเป็นการเลือกปฏิบัติไม่ได้   (ค าพิพากษาศาลปกครอง

                  สูงสุดที่ อ.357/2549)   หรือคดีที่เกี่ยวกับ มติของผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี) ถือว่าเป็นการออกกฎอัน
                  เป็นการลดสิทธิหรือจ ากัดสิทธิตามสัญญาของผู้ฟ้องคดี ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการที่ให้ความคุ้มครองสิทธิ

                  แก่ผู้เข้าท าสัญญาจัดท าบริการสาธารณะหรือสัญญาสัมปทานกับรัฐตามนัยมาตรา 335 (2) ของรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย และมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อสิทธิตามสัญญาฯ ของผู้ฟ้องคดี

                  ซึ่งขัดกับหลักความเสมอภาคตามมาตรา 30  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ค าพิพากษาศาล

                  ปกครองสูงสุดที่ 26/2546)    ส าหรับกรณีเหตุ “คุณวุฒิเกียรตินิยม” ของบุคคลนั้น ศาลปกครองเห็นว่า
                  “การก าหนดให้ผู้ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมทุกสาขาถือเป็นเหตุพิเศษที่จะให้ได้รับสิทธิคัดเลือกแทนการ

                  สอบแข่งขันนั้น  เห็นว่า  เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม”  (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่  อ.

                  379/2550)   เช่นเดียวกับ ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 158/2550)  ซึ่งศาลปกครองตัดสิน
                  ว่า การปฏิบัติที่แตกต่างกันด้วยเหตุเกียรตินิยมนั้นเป็นการปฏิบัติต่อบุคคลที่มีสถานะทางกฎหมายที่

                  เหมือนกันให้แตกต่างกัน ย่อมถือได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม”    หรือในกรณีลูกจ้างได้รับการ
                  ปฏิบัติที่แตกต่างกันเพียงเพราะเหตุแห่งช่วงเวลาที่ลูกจ้างแต่ละกลุ่มสมัครเป็นสมาชิกกองทุนส ารองเลี้ยงชีพ

                  ศาลปกครองเห็นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ   (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.148/2549)  ซึ่งกรณีนี้
                  การเลือกปฏิบัติเกิดจากเหตุอื่นที่มิใช่เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ฯลฯ


                         จะเห็นได้ว่า คดีปกครองนั้นเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการใช้อ านาจรัฐที่มีการปฏิบัติต่อบุคคล

                  แตกต่างกัน หรือเกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ เช่น การที่ผู้ฟ้องคดีผ่านเกณฑ์ประเมิน แต่ผู้ถูกฟ้อง

                  คดีไม่ต่อสัญญาจ้างให้แก่ผู้ฟ้องคดีโดยไม่มีเหตุผลอันควร   ศาลตัดสินว่า “เป็นการเลือกปฏิบัติและใช้
                  ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”    (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่  อ.399/2551)   หรือในคดีที่มี

                  ประเด็นว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นการเลือกปฏิบัตินั้น ศาลปกครองเคยตัดสินว่า “ไม่มีเหตุผลอันควรและเป็น
                  การเลือกปฏิบัติต่อกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน” (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.154/2547)

                  โดยคดีนี้แม้มีการปฏิบัติแตกต่างกันระหว่างข้อเท็จจริงสองกรณีที่เหมือนกัน แต่ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับ เหตุ
                  แห่งการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด   ส าหรับบางคดีพบว่า ไม่ได้มีการเปรียบเทียบ

                  ระหว่างผู้ฟ้องคดีกับบุคคลอื่นที่มีลักษณะ “เหมือนกัน”  แต่ได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันด้วยเหตุแห่งการ

                  เลือกปฏิบัติ   แต่ศาลพิจารณาประเด็นการเลือกปฏิบัติรวมกันกับการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ  (ค าพิพากษา
                  ศาลปกครองสูงสุดที่ อ.25/2547)
   593   594   595   596   597   598   599   600   601   602   603