Page 590 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 590

566


                         จะเห็นได้ว่า กรณีเหล่านี้เป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันอันมีขอบเขตที่แตกต่างจากการเลือกปฏิบัติ

                  ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน แต่ผู้ร้องมีมุมมองว่าเป็นการ “เลือกปฏิบัติ” นอกจากนี้ในหลายกรณีจะเห็นได้
                  ว่า แม้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเห็นว่าไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ แต่มิได้ให้เหตุผลชัดเจนลงไปว่า กรณี

                  เหล่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ หรืออาจไม่อยู่ในขอบเขตการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุอื่น เช่น

                  เป็นกรณีที่เกี่ยวกับขอบแห่งการใช้ดุลพินิจ หรือ เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการชั่งน้ าหนักกับผลประโยชน์อื่น
                  เป็นต้น


                         (3) การปฏิบัติที่แตกต่างกัน อันไม่อยู่ในขอบเขตกฎหมายสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการห้ามเลือก
                  ปฏิบัติ : กรณีจากค าพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ


                         จากผลการศึกษาค าพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญพบว่า มีหลายคดีที่มีประเด็นอ้างว่ากฎหมายที่พิพาท

                  เป็นการเลือกปฏิบัติอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ  (เช่น ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2546 ,10/2549 ,

                  11/2550, 1/2551,31/2555)  อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์กฎหมายดังกล่าวแล้วจะเห็นได้ว่า มิได้มีลักษณะ
                  เป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ     แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่ากฎหมายมีลักษณะเป็นการ

                  เลือกปฏิบัติด้วยเหตุที่กว้างกว่าเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน  อย่างไรก็ตามแม้ศาล
                  ตัดสินว่าไม่เป็นการเลือกปฏิบัติแต่ก็มิได้ให้เหตุผลในการวินิจฉัยชัดเจนลงไปว่ากรณีเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ

                  “เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ”  โดยศาลให้เหตุผลว่ากฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับทุกคนเท่าเทียมกัน ซึ่ง
                  เป็นเหตุผลอันสอดคล้องกับหลักการเลือกปฏิบัติโดยตรง


                         นอกจากนี้ ในอีกหลายคดีนั้นอาจพิจารณาได้ว่ามีประเด็นเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่นของ

                  กฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ท าให้กรณีนั้นไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ เช่น ขอบเขตแห่งการใช้ดุลพินิจ (Margin of

                  Appreciation)   การชั่งน้ าหนักระหว่างประโยชน์อื่นที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ศาลมิได้
                  ให้เหตุผลว่าเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบดังกล่าว    เช่น กรณีการเปรียบเทียบระหว่างการเรียกดอกเบี้ยของ

                  สถาบันการเงิน และ องค์กรหรือบุคคลอื่นที่มิใช่สถาบันการเงิน  ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ
                  คดีนี้แม้ศาลจะตัดสินว่าไม่เป็นการเลือกปฏิบัติแต่ให้เหตุผลว่า   “..เป็นไปตามพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงิน

                  ใหกูยืมของสถาบันการเงินฯ และพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจ  หลักทรัพยและธุรกิจ

                  เครดิตฟองซิเอรฯ”  (ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2542)  แต่ในอีกแง่หนึ่งอาจพิจารณาได้ว่า กรณีนี้ยัง
                  เกี่ยวข้องกับการชั่งน้ าหนักระหว่างประโยชน์อื่นที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองอันเป็นองค์ประกอบอีกประการหนึ่ง

                  ที่ท าให้ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน    หรือในคดีที่ผู้ร้องอ้างว่า ประมวลรัษฏากร
                  มาตรา 121  ให้สิทธิและยกเว้นแก่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ  ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบ

                  อ านาจ แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายผู้ร้องต้องปิดอากรแสตมป์ ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในกฎหมาย ศาล

                  รัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 121 มีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บจากประชาชนที่จะ
                  ได้รับบริการจากรัฐ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บจากรัฐเอง จึงชอบด้วยวัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าว

                  แล้ว ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลทั่วไป (ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่  41/2547)
                  หรือในกรณีที่มีการอ้างว่า พระราชบัญญัติภาษีโรงเรียนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 45 ขัดหรือแย้งกับ
   585   586   587   588   589   590   591   592   593   594   595