Page 587 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 587

563


                         ส าหรับคดีของศาลรัฐธรรมนูญพบว่า มีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติและจัดอยู่

                  ในกลุ่มของการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน เช่น คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “...ประมวล
                  รัษฎากร มาตรา 57 ตรี ที่บัญญัติให้สามีและภริยาที่อยู่ร่วมกันตลอดปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว ต้องถือเอาเงินได้

                  พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี และให้สามีมีหน้าที่และความรับผิดในการยื่นรายการและเสียภาษี

                  ประกอบกับ  มาตรา 57 เบญจ บัญญัติให้แต่เฉพาะภริยาที่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) สามารถ
                  แยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามี...จึงถือว่าเป็นการไม่ส่งเสริมความเสมอภาคของชายและหญิง

                  และยังเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล
                  ภายหลังจากการสมรสตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2555)

                  นอกจากนี้ยังพบคดีที่ศาลตัดสินว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
                  มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (10) ในส่วนที่บัญญัติให้ผู้สมัครสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุ เป็นข้าราชการตุลาการต้องมี

                  คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามว่า “มีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็น  ข้าราชการตุลากา นั้นเป็น

                  การเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยไม่เป็นธรรมเพราะ เหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องความพิการ ตามรัฐธรรมนูญ
                  (ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2555)


                         จะเห็นได้ว่ากรณีดังกล่าวจัดอยู่ในขอบเขตของการเลือกปฏิบัติและได้รับการพิจารณาในขอบเขตนี้

                  อย่างสอดคล้องกับหลักการห้ามเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน

                         (2) การปฏิบัติที่แตกต่างกัน อันไม่อยู่ในขอบเขตกฎหมายสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการห้ามเลือก

                  ปฏิบัติ : กรณีจากค าร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


                         ผลการวิจัยพบว่า ค าร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หลายกรณีผู้ร้องอ้างว่า “ถูก

                  เลือกปฏิบัติ”   แต่หากพิจารณาในกรอบความหมายและขอบเขตของกฎหมายสิทธิมนุษยชนแล้ว กรณี
                  เหล่านั้นไม่จัดอยู่ในขอบเขตของการเลือกปฏิบัติ  ดังเช่นค าร้องต่อไปนี้


                         -ผู้ร้องอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของโรงเรียนแห่งหนึ่ง กรณีบุตรสาวถูกเพื่อน

                  ชายล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนและแจ้งความแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า   (ค าร้องที่ 476/2556)
                  กรณีนี้จะเห็นได้ว่า เป็นกรณีที่ผู้ร้องเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการปฏิบัติ

                  ที่พิพาทเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ  อย่างไรก็ตาม กรณีนี้บุตรสาวผู้ร้องเป็นผู้พิการ หากมี
                  ข้อเท็จจริงว่าการที่คดีไม่คืบหน้านั้นสืบเนื่องมาจากสาเหตุความพิการ ก็อาจเข้าเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติได้

                  กรณีลักษณะนี้คล้ายคลึงกับกรณีผู้ร้องอ้างว่ามีการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เท่าเทียมกัน เช่น พนักงาน

                  สอบสวนแจ้งข้อหาเฉพาะผู้ร้องแต่ไม่แจ้งข้อหาคู่กรณีในการทะเลาะวิวาท (ค าร้องที่ 74/2555) ซึ่งไม่มี
                  ข้อเท็จจริงว่ากรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติอย่างไร


                         -กรณี ผู้ร้องร้องเรียนว่าข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่ได้รับเงินเดือน การขอพระราชทาน

                  เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่เท่าเทียมและไม่เสมอภาคกับข้าราชการส่วนท้องถิ่นบางต าแหน่งและข้าราชการ
                  ประเภทอื่น  กรณีนี้จะเห็นได้ว่า เป็นการเปรียบเทียบกันระหว่าง ข้าราชการท้องถิ่น ข้าราชการประเภทอื่น
   582   583   584   585   586   587   588   589   590   591   592