Page 521 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 521

497


                           กรณีที่ 2 : การสื่อสารที่เห็นได๎ชัดวําแสดงความเกลียดชัง เชํน ดําวํา “โงํ งมงาย ไร๎สติ” ถ๎าตีความ
                   โดยให๎น้ําหนักกับ Free Speech อยํางเชํนกฎหมายสหรัฐอเมริกาแล๎ว เพียงแคํเนื้อหาในการสื่อสารเชํนนี้

                   ยังอยูํในขอบเขตของ Free  Speech  ได๎ แตํตามกฎหมายไทยต๎องพิจารณาวําเข๎าองค์ประกอบฐานหมิ่น
                   ประมาท หรือไมํ


                           กรณีที่ 3 :  การสื่อสารในลักษณะการสํงเสริมกระตุ๎น (Incite)  ให๎เกลียดชังกลุํมคนนิยมตุ๏กตาลูก
                   เทพ หรือถึงขั้นให๎เกิดการกระทําทางกายภาพตํอไป นําจะถือได๎วําเป็นการเกินขอบเขตของ Free Speech
                   ไปสูํ Hate Speech ที่ละเมิดสิทธิของผู๎อื่น โดยเฉพาะอยํางยิ่งการ “ลําแมํมดออนไลน์” ซึ่งเป็นลักษณะการ
                   ดําเนินการโจมตีผู๎รักลูกเทพโดยนําเอาข๎อมูลสํวนบุคคลหรือเรื่องราวสํวนตัวมาประจาน ในระดับของผู๎

                   ให๎บริการสื่อสังคมออนไลน์นั้น การกระทําเชํนนี้อาจขํายการกระทําที่ฝุาฝืนข๎อตกลงการใช๎งาน เชํน
                   มาตรฐานชุมชนของเฟสบุค (Community Standard) ซึ่งอาจถูกนําเนื้อหาออกไปหรือระงับใช๎งานได๎


                           สําหรับกรณีการโพสต์แสดงความไมํเห็นด๎วย เกลียดชัง ด๎วยวิธีการรุนแรง เชํน “เจอที่ไหนฆําที่
                   นั่น”  “จับตบให๎หายโงํทั้งแมํทั้งลูก”  เหลํานี้หากเทียบกับกฎหมายตํางประเทศจะเห็นวํา มีลักษณะ
                   “Fighting Words” หรือ “Dangerous Words” อันเกินขอบเขตของ “Free Speech”


                           กรณีที่ 4 :  การที่ผู๎ประกอบการร๎านค๎า บริการตํางๆ แสดงการสื่อสารออกมาวําจะไมํต๎อนรับลูก
                   เทพ (ซึ่งก็คือไมํต๎อนรับบุคคลที่นิยมลูกเทพและพาลูกเทพมาด๎วย)  การสื่อสารด๎วยภาพ ปูายประกาศ ที่

                   โพสต์ในเว็บหรือเพจของร๎านอยํางเป็นทางการ รวมทั้งมีเนื้อหาแสดงความเกลียดชังอยํางชัดเจน เชํน
                   “ตุ๏กตาผี , ไร๎สติ, งมงาย, เป็นตัวอยํางไมํดีแกํเยาวชน” กรณีนี้สะท๎อนถึงประเด็นการเลือกปฏิบัติถึงสองมิติ
                   ซ๎อนกัน กลําวคือ การสื่อสารที่แสดงความเกลียดชัง และ การปฏิเสธการให๎บริการหรือสินค๎าอันเกี่ยวเนื่อง
                   กับความเกลียดชังนั้น ในกรณีนี้จะเน๎นพิจารณามิติของการปฏิเสธสินค๎าหรือบริการซึ่ง อาจจําแนกพิจารณา
                   ได๎ 2 แนวทาง ดังนี้


                           แนวทางแรก หากพิจารณาวํา ผู๎นิยมตุ๏กตาลูกเทพมีเหตุผลทางด๎าน “ความเชื่อ”  (แม๎วําจะไมํ
                   เกี่ยวข๎องกับ “ศาสนา”)  แล๎ว การเลือกปฏิบัติดังกลําวก็อยูํบนเหตุที่กฎหมายสิทธิมนุษยชนของหลาย

                   ประเทศคุ๎มครอง โดยมีการวางหลักห๎ามปฏิเสธให๎บริการด๎วยเหตุดังกลําว เชํน ในเดือนธันวาคม 2012 คูํรัก
                   รํวมเพศ (Curt Freed and Robert Ingersoll ) ติดตํอร๎านดอกไม๎เพื่อใช๎บริการจัดดอกไม๎ในงานแตํงงาน
                   แตํถูกเจ๎าของร๎านปฏิเสธอ๎างเหตุผลความเชื่อทางศาสนา ศาลตัดสินวํา การปฏิเสธดังกลําวเป็นการกระทํา

                   บนพื้นฐานความเชื่อทางศาสนา ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุแหํงรสนิยมทางเพศ จึงเป็นการฝุาฝืน
                   กฎหมายห๎ามเลือกปฏิบัติ สําหรับข๎ออ๎างที่วํา จําเลยกระทําไปด๎วยเหตุความเชื่อทางศาสนานั้น ศาลเห็นวํา
                   การกระทําที่มีสาเหตุหรือแรงกระตุ๎นจากความเชื่อทางศาสนานั้นไมํได๎เป็นเหตุยกเว๎นหลักกฎหมายห๎าม
                              514
                   เลือกปฏิบัติ   ดังนั้นหากพิจารณาตามแนวทางนี้ จะนําไปสูํข๎อเสนอในการตรากฎหมายเพื่อห๎ามการ
                   ปฏิเสธการให๎บริการหรือจําหนํายสินค๎าด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตํางๆ โดยเฉพาะเหตุแหํงศาสนาหรือ
                   ความเชื่อ


                   514
                      Ingersoll v. Arlene’s Flowers
   516   517   518   519   520   521   522   523   524   525   526