Page 512 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 512

488


                   คุ๎มครองสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ สําหรับการสื่อสารความเกลียดชัง
                   ที่ไมํถึงขั้นนําไปสูํความรุนแรงทางกายภาพนั้น มีเพียงฐานความผิดหมิ่นประมาทซึ่งองค์ประกอบความผิด

                   แตกตํางกับ “การจงใจส่งเสริมให้เกิดความเกลียดชัง (Wilful  promotion  of  hatred)  ตามกฎหมาย
                   แคนาดา  เนื่องจากความผิดฐานหมิ่นประมาทของไทยมุํงเน๎นความเสียหายตํอชื่อเสียงของบุคคลใดบุคคล
                   หนึ่งโดยเฉพาะ ในขณะที่ความผิดตามกฎหมายแคนาดามุํงควบคุมการสื่อสารที่แสดงความเกลียดชังตํอกลุํม
                   บุคคลที่มีลักษณะเฉพาะอันจําแนกได๎ เชํน เชื้อชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศ ฯลฯ มากกวําการคุ๎มครอง

                   ชื่อเสียงของปัจเจกชนคนใดคนหนึ่ง

                           นอกจากบริบทของกฎหมายอาญา และกฎหมายเฉพาะ เชํน ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แล๎ว

                   หากเปรียบเทียบกับกฎหมายออสเตรเลียแล๎วจะเห็นได๎วํา “Hate  Speech”  ได๎รับการบัญญัติไว๎ใน
                   กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซี่งมีการวางหลักห๎ามเลือกปฏิบัติในมิติตํางๆไว๎ รวมทั้งการวางหลักเกี่ยวกับ
                   “การให๎ร๎าย “Vilification” หรือ การกระตุ๎นยั่วยุ “Incitement” ซึ่งโดยเนื้อหาสาระแล๎วก็เปรียบเทียบได๎
                   กับ “Hate  Speech”  นั่นเอง ดังปรากฏอยูํตามกฎหมายในมลรัฐตํางๆของออสเตรเลียดังที่ได๎ศึกษามา

                   ข๎างต๎น อยํางไรก็ตาม ไทยยังไมํมีกฎหมายเฉพาะที่กําหนดหลักการห๎ามเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุแหํงการเลือก
                   ปฏิบัติตํางๆในลักษณะกฎหมายกลางที่ครอบคลุมเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตํางๆ ดังเชํนกฎหมาย
                   ออสเตรเลีย และไมํมีกฎหมายเฉพาะอื่นที่วางหลักควบคุม “Hate  Speech”  นอกจากนี้หากพิจารณา
                   พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติ พ.ศ. 2542 จะเห็นได๎วํา การสื่อสารที่แสดงความ

                   เกลียดชังด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตํางๆ เชํน รสนิยมทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ นั้นสามารถจัดอยูํ
                   ในการกระทําอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งอยูํในอํานาจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติที่
                                                     503
                   จะตรวจสอบและเสนอมาตรการแก๎ไขได๎  หากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติ ตรวจสอบแล๎วเห็น
                   วําการกระทํา “Hate  Speech”  นั้นละเมิดสิทธิมนุษยชน จะต๎องทํารายงานผลการตรวจสอบ และ “..
                   กําหนดมาตรการแก๎ไขปัญหาซึ่งต๎องกําหนดให๎ชัดเจนวําบุคคลหรือหนํวยงานใดมีหน๎าที่ต๎องปฏิบัติตาม
                                      504
                   กฎหมายในเรื่องใด…”  อยํางไรก็ตาม ปัญหาสําคัญก็คือ ในปัจจุบันไทยยังไมํมีกฎหมายเฉพาะที่วางหลัก
                   เกี่ยวกับ “Hate  Speech”  ไว๎ แม๎วําจะมีหลักการห๎ามเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตาม
                   รัฐธรรมนูญก็ยังมีปัญหาโดยเฉพาะกรณีการสื่อสารเกี่ยวข๎องกับ “Hate  Speech”  นั้นมักเป็นการกระทํา

                   ระหวํางเอกชนตํอเอกชนด๎วยกัน ซึ่งไมํอยูํในขอบเขตการยกรัฐธรรมนูญขึ้นกลําวอ๎างได๎โดยตรง ดังนั้น แม๎
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนจะทําการตรวจสอบพบวําการกระทํานั้นเป็นการสื่อสารที่กํอให๎เกิดความ
                   เกลียดชังด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ แตํก็เป็นการยากที่จะกําหนดมาตรการแก๎ไขโดยระบุให๎ปฏิบัติตาม

                   “กฎหมาย” ในเรื่องใด เพราะยังไมํมีกฎหมายเกี่ยวกับ “Hate Speech”

                           ดังนั้น จากการศึกษา กฎหมายไทยปัจจุบัน ทั้งในสํวนของกฎหมายอาญา กฎหมายเฉพาะชํอง

                   ทางการสื่อสารเชํนการสื่อสารผํานระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน พบวํา มิได๎
                   กําหนดหลักกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับ “Hate Speech” โดยนําปัจจัยเกี่ยวกับ “เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ”



                   503  พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22
                   504
                      พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 28
   507   508   509   510   511   512   513   514   515   516   517