Page 510 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 510

486


                   เผยแพรํข๎อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จกลําวหาผู๎นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือจัดอยูํในกลุํมเชื้อชาติใด
                   เชื้อชาติหนึ่งให๎เกิดความเสื่อมเสีย การเผยแพรํข๎อมูลคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะลามกเพื่อแสดงความเกลียด

                   ชังกลุํมบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแตกตํางหลากหลาย ข๎อความลักษณะนี้แม๎ไมํได๎มุํงใสํความบุคคลใดที่ระบุ
                   ตัวได๎โดยเฉพาะ แตํมุํงสร๎างความเกลียดชังโดยรวมตํอกลุํมคนจํานวนมากที่มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะ
                   บางอยํางรํวมกัน ซึ่งไมํเข๎าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาทแตํก็อาจจัดอยูํใน
                   องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 14 ของพระราชบัญญัตินี้ได๎ เป็นต๎น


                           อยํางไรก็ตาม ข๎อจํากัดขององค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติวําด๎วยการกระทําความผิด
                   เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับ “Hate  Speech”  ก็คือ มีขอบเขตจ ากัดเฉพาะข้อมูล “ปลอมหรือเท็จ

                   หรือข้อมูลลามก”  ดังนั้น หากการสื่อสารที่ทําให๎เกิดความเกลียดชังด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตํางๆนั้น
                   ไมํเข๎าลักษณะของ “ข๎อมูลคอมพิวเตอร์ ปลอม เท็จ ลามก”       ก็ไมํเข๎าองค์ประกอบความผิดตาม
                   พระราชบัญญัติวําด๎วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายความผิดเกี่ยวกับ
                   คอมพิวเตอร์นั้นโดยหลักแล๎วมุํงควบคุมอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยมีการบัญญัติความผิดในกลุํมของ

                   เนื้อหา (Content) เพิ่มเข๎ามาจากความผิดในเชิงเทคนิคคอมพิวเตอร์ด๎วย แตํความผิดกลุํมเนื้อหาดังกลําว
                   มิได๎มีวัตถุประสงค์เพื่อการคุ๎มครองสิทธิมนุษยชนจากการเลือกปฏิบัติแตํอยํางไร


                           ดังนั้นอาจสรุปได๎วํา จากการวิเคราะห์กฎหมายไทยที่เป็นอยูํในปัจจุบันทั้ง 3 ฉบับ พบวํา การ
                   สื่อสารในลักษณะ “Hate  Speech”  บางกรณีอาจตกอยูํภายใต๎องค์ประกอบกฎหมายดังกลําวได๎ แตํ
                   อยํางไรก็ตาม “Hate  Speech”  อีกหลายกรณีก็ไมํตกอยูํภายใต๎กฎหมายดังกลําว สาเหตุประการสําคัญก็
                   คือ กฎหมายไทยทั้งสามฉบับที่เกี่ยวข๎องดังกลําวนั้นอยูํบนพื้นฐานแนวคิด หลักการ ที่แตกตํางจากกฎหมาย

                   สิทธิมนุษยชนและการห๎ามเลือกปฏิบัติ การปรับใช๎กฎหมายดังกลําวกับ “Hate Speech” จึงไมํสอดคล๎อง
                   และเหมาะสมกับ “Hate Speech” ซึ่งควรได๎รับการพิจารณาภายใต๎หลักกฎหมายที่แตกตํางออกไปนั่นคือ
                   กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ดังจะเห็นได๎จากกฎหมายตํางประเทศซึ่งจะได๎วิเคราะห์ในหัวข๎อตํอไป


                           (2) วิเคราะห์เปรียบเทียบ “Hate Speech” ตามกฎหมายไทยกับกฎหมายต่างประเทศ


                            เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกฎหมายสหรัฐอเมริกากับกฎหมายไทยแล๎ว พบวํา ปัจจุบันกฎหมาย
                   ไทยยังไมํมีทั้งในสํวนของกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารที่กํอให๎เกิดความเกลียดชัง (Hate  Speech)  และ
                   กฎหมายที่กําหนดความผิดสําหรับการกระทําความผิดทางอาญาที่มีสาเหตุสืบเนื่องจากเหตุแหํงความเกลียด

                   ชังโดยเฉพาะ (Hate crime) สําหรับกรณี “Hate Speech” ตามกฎหมายไทยปัจจุบัน จะเกี่ยวข๎องกับการ
                   พิจารณาความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา ดังที่กลําวมาแล๎วข๎างต๎นวํา ความผิดฐานหมิ่น
                   ประมาทอาจครอบคลุมบางกรณีของ “Hate Speech” เชํน การใสํความบุคคลโดยเจาะจงตัวด๎วยเหตุแหํง
                   การเลือกปฏิบัติ แตํหากเป็นกรณีการแสดงความเกลียดชังตํอกลุํมคนที่ไมํเจาะจงตัว แม๎วําจะเป็นการ

                   สื่อสารที่เกี่ยวข๎องหรือสืบเนื่องจากเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ เชํน เชื้อชาติ ศาสนา ไมํอยูํภายใต๎องค์ประกอบ
                   ของหมิ่นประมาท
   505   506   507   508   509   510   511   512   513   514   515