Page 473 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 473

449


                                                                426
                   ปัจจัยตํางๆทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม  ดังจะเห็นได๎จากกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหวําง
                   ประเทศที่วางหลักเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทาง “เชื้อชาติ” ไว๎โดยเฉพาะ เชํน อนุสัญญาวําด๎วยการขจัดการ
                   เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ  (Convention  on  the  Elimination  of All  Forms  of  Racial

                   Discrimination-CERD) อยํางไรก็ตาม การแสดงออกซึ่งความเกลียดชังได๎ขยายตัวจากเหตุแหํงเชื้อชาติ สี

                   ผิว มาถึงเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติอื่นๆด๎วย เชํน เพศ รสนิยมทางเพศ รวมไปถึงเหตุอื่นๆซึ่งไมํได๎จัดอยูํใน
                   เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน


                            ในหลายกรณีการแสดงออกซึ่งความเกลียดชังเป็นจุดเริ่มต๎นของการปลุกระดมเพื่อนําไปสูํความ

                   รุนแรงหรือการใช๎กําลังตํางๆ ดังจะเห็นได๎จากในประวัติศาสตร์ที่ผํานมาซึ่ง “Hate Speech” ทําให๎ความ
                   รุนแรงของสงครามในหลายแหํงขยายตัว นักวิชาการชี้ให๎เห็นความสัมพันธ์ระหวําง “Hate Speech” กับ

                                                                                 427
                   ความรุนแรงในประวัติศาสตร์หลายกรณี เชํน เหตุการณ์รุนแรงใน Bosnia   ความรุนแรงตํอทาสในสมัย
                                                              428
                   อาณานิคมและสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา  นักวิชาการบางทํานเห็นวํา “Hate  Speech”  ซึ่ง
                   ได๎รับการจัดการหรือสื่อสารอยํางเป็นระบบ (Systematic Campaign) เป็นเหตุผลรากฐานสําคัญอันหนึ่งซึ่ง
                                                    429
                   นําไปสูํการฆําล๎างเผําพันธุ์ (Genocide)


                           วัตถุประสงค์สําคัญอันหนึ่งของ “Hate  Speech”  ก็คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของเหยื่อและ
                   สํงผลให๎ผู๎ถูกเกลียดชังได๎รับความอับอายและดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังนั้นนําไปสูํ
                                                                           430
                   ทัศนคติที่วําการกระทํารุนแรงตํอบุคคลเหลํานั้นเป็นสิ่งที่ไมํร๎ายแรง  ในแงํนี้ “Hate  Speech”  มีความ
                   เกี่ยวข๎องกับ “Hate propaganda” หรือการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์เชื่อมโยงกับการเมือง
                   ด๎วย โดยการโฆษณาให๎เกิดความเกลียดชังอาจถูกนําไปใช๎เพื่อผลทางการเมือง และอาจนําไปสูํความรุนแรง
                   หรือสงครามตามมา ดังนั้น อาจกลําวได๎วํา การแสดงออกซึ่งความเกลียดชังอันนําไปสูํการแบํงแยกทางด๎าน
                   เชื้อชาติ สีผิว ฯลฯ สํงผลกระทบตํอศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และอาจ

                   นําไปสูํความรุนแรงอันกระทบตํอสิทธิมนุษยชนด๎านอื่นๆตํอไป






                   426  United Nations Centre for Human Rights , Report of the Seminar on the Political, Historical,
                   Economic, Social and Cultural Factors contributing to Racism, Racial Discrimination and Apartheid :
                   Geneva, Switzerland, 10-14 December, 1990., New York : United Nations, 1991
                   427
                      John C Knechtle, “When to Regulate Hate Speech,”Penn St Law Review 110 (2006): 539, 546.
                   428
                      Alexander Tsesis, Ibid, pp 28-48.
                   429  Susan Benesch, “Vile Crime or Inalienable Rgiths : Defining Incitement to Genocide,” Va Journal of
                   International Law 48 (2008).
                   430  Kathleen E Mahoney, “Hate Speech : The Regulation of Hate Speech in a Democracy,” Wake Forest
                   Law Review 44 (2009): 497, 509.
   468   469   470   471   472   473   474   475   476   477   478