Page 440 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 440
416
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กําหนดให๎รับนักเรียนในเขตพื้นที่ไมํน๎อยกวําร๎อยละ 50 ไมํ
เป็นการเลือกปฏิบัติและไมํกระทบตํอสิทธิของเด็กที่เข๎าศึกษา ซึ่งการกําหนดรับนักเรียนโดยอาศัยเกณฑ์
ทะเบียนราษฎรเป็นหลักนั้นเป็นการรับรองสิทธิ ไมํเป็นการจํากัดสิทธิจึงไมํมีการเลือกปฏิบัติแตํอยํางใด ...”
(รายงานผลการพิจารณาที่ 927-928/2558) กรณีนี้อาจจัดวําเป็นการปฏิบัติแตกตํางกันด๎วยเหตุ “ถิ่นที่อยูํ”
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ นโยบายการจัดสรรสิทธิเข๎าเรียนตามพื้นที่พักอาศัย (Neighborhood Policy) ใน
สหรัฐอเมริกาจะเห็นได๎วํา โดยหลักแล๎วนโยบายนี้เป็นการปฏิบัติที่แตกตํางกัน แตํศาลนําปัจจัยตํางๆ มา
ประกอบการพิจารณา เชํน “ผลที่ทําให๎เกิดการแบํงแยกนักเรียนด๎วยเหตุเชื้อชาติ ศาสนา” “เจตนาในการ
แบํงแยก (Segregative Intent)” ซึ่งอาจจําแนกวิเคราะห์ได๎สองกรณีคือ
กรณีแรก หากมาตรการหรือนโยบายดังกลําว สํงผลให๎เกิดการแบํงแยก หรือแสดงวํามีเจตนา
แบํงแยก ก็จะเป็นการขัดตํอหลักความเทําเทียมกันตามรัฐธรรมนูญ โดยนัยนี้จะเห็นได๎วําศาลพิจารณาความ
เทําเทียมกันในเชิงสาระ (Substantive Equality) และในการพิจารณาถึง “ผล” (Effect) นั้นก็สอดคล๎อง
กับหลักการห๎ามเลือกปฏิบัติโดยอ๎อม
กรณีที่สอง หากมาตรการหรือนโยบายดังกลําวไมํมีเจตนาหรือผลในการแบํงแยก แตํมีวัตถุประสงค์
เพื่อขจัดความไมํความสมดุลระหวํางเชื้อชาติ สีผิว (Racial Imbalance) ก็ไมํขัดตํอหลักความเทําเทียมกัน
โดยนัยนี้จะเห็นได๎วํา มาตรการหรือนโยบายดังกลําวมีลักษณะเป็นมาตรการยืนยันสิทธิเชิงบวก
(Affirmative Actoin) นั่นเอง
นอกจากเหตุในด๎าน “ถิ่นที่อยูํ” ดังกลําวแล๎ว สําหรับประเด็นการเลือกปฏิบัติในมิติการศึกษาด๎วย
เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติอื่นๆ โดยเฉพาะ เชื้อชาติ สัญชาติ นั้นพบวํา กฎหมายไทยที่เป็นอยูํได๎วาง
หลักเกณฑ์การคุ๎มครองความเสมอภาคไว๎ครอบคลุมแล๎ว
ส าหรับกรณีการแบ่งแยกบุคคลด้วยเหตุแห่งเพศ ในมิติการศึกษานั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ
สหรัฐอเมริกาแล๎วพบวํา ในประเทศไทยก็มีสถานศึกษาของรัฐที่รับบุคคลเฉพาะเพศ (Gender Segregated
School) อยูํเป็นจํานวนมาก ทั้งโรงเรียนชายล๎วน และโรงเรียนหญิงล๎วน ซึ่งยังไมํปรากฏคําร๎องหรือคดีใน
ประเทศไทยที่ตัดสินประเด็นวํา โรงเรียนชายล๎วนหรือหญิงล๎วนนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติและขัดตํอหลักความ
เทําเทียมกันหรือไมํ หากพิจารณาจากหลักการตามกฎหมายเฉพาะที่กลําวมาจะเห็นได๎วํา การแบํงแยก
บุคคลด๎วยเหตุแหํงเพศในมิติการศึกษาโดยหลักแล๎วจะเป็นการปฏิบัติที่แตกตํางกันระหวํางบุคคลด๎วยเหตุ
แหํงเพศ นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับกรณีในสหรัฐอเมริกาจะเห็นได๎วํา แม๎ภาครัฐจะจัดให๎มีโรงเรียน
อื่นๆ นอกจากโรงเรียนเฉพาะเพศนั้น แตํเมื่อพิจารณาถึงผล (Effect) แล๎วยังอาจเป็นการเลือกปฏิบัติตํอ
บุคคลได๎เชํนกัน อยํางไรก็ตามต๎องพิจารณาตํอไปวําการจําแนกโรงเรียนตามเพศนั้นมีเหตุผลอันสมควร
หรือไมํ ซึ่งกฎหมายไทยมิได๎กําหนดหลักเกณฑ์หรือแนวพิจารณาไว๎อยํางชัดแจ๎ง แตํอาจนําหลักเกณฑ์และ
ปัจจัยพิจารณาที่ศาลสหรัฐอเมริกาวางไว๎มาประกอบเป็นแนวทางพิจารณาได๎ กลําวคือ ศาลสหรัฐอเมริกา
พิจารณาวําการแบํงแยกรับนักเรียนตามเพศหรือโรงเรียนเฉพาะเพศ ภายใต๎กรอบของหลัก “เหตุผลชอบ