Page 403 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 403
379
ทํางาน เชํน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวําด๎วยผู๎ตรวจการแผํนดิน พ.ศ. 2552 มาตรา 8
กําหนดวํา “..ไมํเคยต๎องคําพิพากษาให๎จําคุก แม๎คดีนั้นจะยังไมํถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว๎นแตํเป็น
กรณีที่คดียังไมํถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได๎กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือ
ความผิดฐานหมิ่นประมาท” จะเห็นได๎วําสะท๎อนถึงหลักการพิจารณาความแตกตํางของความผิดบาง
ลักษณะและความเกี่ยวข๎องของความผิดดังกลําวกับการทํางานนั้น นอกจากนี้จะเห็นได๎วํา รัฐธรรมนูญได๎
เคยกําหนดคุณสมบัติตําแหนํงทางการเมืองสําหรับบางตําแหนํง เชํน รัฐมนตรี โดยเปิดโอกาสให๎ผู๎ได๎รับโทษ
324
จําคุกที่ผํานไประยะเวลาหนึ่งสามารถดํารงตําแหนํงได๎
กรณีที่สอง ในส่วนของการจ้างงานภาคเอกชน จากกรณีตัวอยํางคําร๎องตํอคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแหํงชาติ (ค าร้องที่ 486/2556 ,รายงานผลพิจารณาที่ 495/2558) ซึ่งเป็นกรณีที่ผู๎ร๎องถูกศาล
พิพากษาลงโทษจําคุกในคดีลักทรัพย์และรอลงอาญาไว๎ 2 ปี ตํอมาผู๎ร๎องได๎สมัครเข๎าเป็นพนักงานขาย
รถยนต์บริษัทเอกชนแหํงหนึ่ง แตํถูกปฏิเสธการบรรจุ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติเห็นวําไมํมีการ
ละเมิดสิทธิมนุษยชนเนื่องจาก “บริษัทเอกชนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณารับบุคคลเข๎าทํางาน
แตกตํางกันไป” ผู๎เขียนเห็นวําเหตุผลของการพิจารณาเชํนนี้สืบเนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไมํมี
กฎหมายที่วางหลักห๎ามเลือกปฏิบัติสําหรับภาคเอกชนในมิติของการจ๎างแรงงานดังเชํนกฎหมาย
ตํางประเทศ ดังนั้น การตัดสินใจจ๎างแรงงานในภาคเอกชนจึงอยูํภายใต๎หลักการแสดงเจตนาทําสัญญาตาม
กฎหมายแพํง แตํหากพิจารณากรณีนี้ตามหลัก “คุณสมบัติที่จําเป็นอันเกี่ยวข๎องกับงาน” แล๎วอาจเป็น
ประเด็นที่ถกเถียงได๎วํา การที่ผู๎ร๎องเคยถูกศาลพิพากษาให๎ลงโทษจําคุกฐานลักทรัพย์นั้นไมํมีความเกี่ยวข๎อง
กับการสมัครงานในตําแหนํงพนักงานขาย
ดังนั้นจะเห็นได๎วํา การกําหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับ “ประวัติอาชญากรรม” หรือประวัติความผิด
อาญา ในลักษณะครอบคลุมอยํางกว๎าง เชํน “เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให๎จําคุก เว้นแต่ความผิดที่กระท า
โดยประมาทหรือลหุโทษ” ซึ่งปรากฏในกฎหมายหลายฉบับในสํวนของการจ๎างงานภาครัฐรวมทั้ง
กฎระเบียบหรือนโยบายภาคเอกชนหลายแหํง สะท๎อนถึงแนวคิดที่วํา บุคคลที่มี “เจตนา” ทางอาญาในการ
กระทําความผิดและได๎รับโทษจําคุกเป็นบุคคลที่ไมํเหมาะสมในการทํางาน ดังจะเห็นได๎จากการยกเว๎น
สําหรับกรณีความผิดที่กระทําโดยประมาทและความผิดลหุโทษซึ่งเป็นความผิดเล็กน๎อยที่ไมํมีองค์ประกอบ
325
ด๎าน “เจตนา” ทางอาญา จะเห็นได๎วําการกําหนดคุณสมบัติดังกลําวเชื่อมโยง “เจตนา” ทางอาญากับ
“คุณสมบัติอันเป็นสาระสําคัญของงาน” โดยสํงผลให๎บุคคลผู๎มีเจตนาทําผิดอาญาและศาลพิพากษาให๎
ลงโทษจําคุกนั้น เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติอันจําเป็นกับงานนั้น หลักการเชํนนี้อาจมีสํวนเกี่ยวข๎องในระดับ
324
รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 174 (5) กําหนดคุณสมบัติผู๎ดํารงตําแหนํงรัฐมนตรีวํา “….
ไมํเคยต๎องคําพิพากษาให๎จําคุก โดยได๎พ๎นโทษมาไมํถึง 5 ปี กํอนได๎รับตําแหนํง เว๎นแตํในความผิดอันได๎กระทําโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ”
325 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 104 กําหนดวํา “การกระทําความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายนี้ แม้กระท าโดยไม่
มีเจตนาก็เป็นความผิด เว๎นแตํตามบทบัญญัติความผิดนั้นจะมีความบัญญัติให๎เห็นเป็นอยํางอื่น”