Page 356 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 356

332


                           อยํางไรก็ตาม นโยบายกําหนดโควตาจํานวนหนึ่งให๎ชนกลุํมน๎อย เป็นการเลือกปฏิบัติตํอโจทก์
                   เนื่องจากยังมีมาตรการอื่นที่จํากัดสิทธิน๎อยกวํา (Less Restrictive Program) อันสามารถนํามาปรับใช๎ เพื่อ

                   บรรลุซึ่งวัตถุประสงค์อันประกอบด๎วยผลประโยชน์สําคัญดังกลําว เชํน การนําปัจจัยด๎านเชื้อชาติ สีผิว มา
                   เป็นปัจจัยหนึ่งสําหรับประกอบการพิจารณารับนักศึกษา (Making Race  One  of  Several  Factors  in
                   Admission)  เชํนบางมหาวิทยาลัยซึ่งไมํได๎กําหนดโควตาสําหรับชนกลุํมน๎อยด๎วยจํานวนที่กําหนดแนํนอน
                   แตํมีความพยายามในการรับนักศึกษาเชื้อชาติ สีผิว ตํางๆให๎เกิดความหลากหลาย ซึ่งศาลยกตัวอยํางให๎เห็น

                   วํา นโยบายของสถานศึกษาที่นําเอาเชื้อชาติ สีผิว มาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในหลายๆปัจจัยสําหรับการรับ
                   นักศึกษานั้นสามารถทําได๎ เนื่องจากไมํเป็นการจํากัดสิทธิของคนบางกลุํมจนเกินไป สําหรับนโยบายเชํนนี้
                   ผู๎สมัครผิวขาวอาจเสียเปรียบผู๎สมัครผิวสีในแงํเชื้อชาติ สีผิว แตํยังมีสิทธิแขํงขันด๎วยปัจจัยอื่นๆ เชํน
                   ความสามารถในทางวิชาการ การทํากิจกรรม กีฬา ฯลฯ ดังนั้นนโยบายดังกลําวไมํขัดตํอรัฐธรรมนูญ หรือ

                   อีกนัยหนึ่งก็คือ ถือวําเป็นมาตรการยืนยันสิทธิในเชิงบวกที่ชอบด๎วยกฎหมาย

                                                                                                   241
                           หลักการดังกลําวถูกศาลนํามาใช๎ในปี 2003 ดังจะเห็นได๎จากคดี Grutter v. Bollinger  ซึ่งเป็น
                   กรณีนักศึกษาผิวขาวผู๎มีผลการเรียน 3.8 ถูกปฏิเสธการรับเข๎าศึกษาตํอในมหาวิทยาลัยเนื่องจากนโยบายใช๎
                   ปัจจัยด๎านเชื้อชาติเป็นปัจจัยหนึ่งสําหรับการพิจารณารับนักศึกษา นักศึกษาผู๎นี้จึงฟูองวําการใช๎ปัจจัย
                   ดังกลําวเป็นการฝุาฝืนหลักความเทําเทียมกันที่กําหนดไว๎ในรัฐธรรมนูญฉบับแก๎ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 14


                           ในการพิจารณาวําเกณฑ์การคัดเลือกของมหาวิทยาลัย Michigan นั้นเป็นมาตรการยืนยันสิทธิเชิง
                   บวก (Affirmative Action) ซึ่งทําได๎โดยไมํขัดตํอรัฐธรรมนูญหรือไมํนั้น ศาลสูงสุดพิจารณาโดยใช๎หลักการ
                   ดังที่ปรากฏในคดี Regents of the University of California v. Bakke กลําวคือ ศาลพิจารณาวําเกณฑ์

                   ดังกลําวมีวัตถุประสงค์เกี่ยวข๎องกับผลประโยชน์สําคัญที่รัฐพึงปกปูอง (Compelling  State  Interest)
                   กลําวคือวัตถุประสงค์ในการสร๎างชั้นเรียนที่ประกอบด๎วยความหลากหลายของนักศึกษา นอกจากนั้น ศาล
                   พิจารณาวํา มาตรการดังกลําวมีมาตรการอื่นที่จํากัดสิทธิน๎อยกวํา (Less  Restrictive  Program)  หรือไมํ

                   ศาลเปรียบเทียบกับมาตรการในลักษณะ “โควตา” โดยเห็นวํา แม๎เกณฑ์การรับนักศึกษานี้จะเป็นการปฏิบัติ
                   ในลักษณะพิเศษแกํชนกลุํมน๎อยที่ด๎อยโอกาส (Underrepresented Minority Group) แตํมีการนําปัจจัย
                   อื่นๆเข๎ามาประกอบการพิจารณาสําหรับผู๎สมัครแตํละรายด๎วย ซึ่งแตกตํางกับระบบโควตา ดังที่ศาลในคดี
                   Regents of the University of California v. Bakke ตัดสินวําระบบโควตานั้นยังมีมาตรการทางเลือกอื่น
                   ที่จํากัดสิทธิน๎อยกวํา ซึ่งก็คือมาตรการนําเอาปัจจัยด๎านเชื้อชาติมาประกอบการพิจารณาดังเชํนในคดีนี้

                   ดังนั้นในคดีนี้จึงไมํใชํกรณีที่ยังมีมาตรการอื่นที่จํากัดสิทธิน๎อยกวํา ด๎วยเหตุนี้มาตรการดังกลําวจึงไมํขัดตํอ
                   รัฐธรรมนูญ





                           จะเห็นได๎วํา จากเหตุผลในคําพิพากษาคดีนี้ แสดงให๎เห็นถึงการปรับใช๎หลัก “มาตรการยืนยันสิทธิ
                   ในเชิงบวก” (Affirmative Action) โดยศาลได๎วางหลักที่สําคัญดังนี้


                   241
                      Grutter v. Bollinger, 539 U.S. 306 (2003)
   351   352   353   354   355   356   357   358   359   360   361