Page 325 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 325
301
ตําแหนํงบริหารให๎กับผู๎หญิง สํงผลให๎ผู๎ชายที่มีความสามารถเชํนเดียวกันถูกกีดกันและเป็นการเลือกปฏิบัติ
174
ตํอผู๎ชายเหลํานั้น
จากการเปรียบเทียบแนวคิดทั้งสอง ผู๎วิจัยมีข๎อวิเคราะห์วํา ความเทําเทียมกันในโอกาส (Equality
of Opportunity) จะเกี่ยวข๎องกับมาตรการ นโยบาย เพื่อสํงเสริมที่จุดเริ่มต๎น (Starting Point) ในการเข๎า
สูํโอกาสตํางๆ ในสังคมของกลุํมผู๎เสียเปรียบหรือกลุํมผู๎ที่มักถูกกีดกันให๎เป็นกลุํมคนชายขอบ
(Marginalised Group) เชํน มาตรการสํงเสริมความสามารถของคนพิการเพื่อให๎มีโอกาสได๎ทํางาน
มาตรการสํงเสริมความสามารถของเด็กและเยาวชน แตํมาตรการเหลํานี้มิได๎มุํงเน๎นที่ผลสุดท๎ายหรือผลลัพธ์
กลําวคือ ผลสุดท๎ายแล๎วบุคคลที่อยูํในกลุํมเสียเปรียบดังกลําวอาจไมํสามารถเข๎าถึงโอกาสนั้นๆ ในความเป็น
จริงได๎ เชํน คนพิการที่ได๎รับการสํงเสริมยังคงไมํได๎รับการวําจ๎างเข๎าทํางาน นักเรียนบางเชื้อชาติยังคงไมํมี
โอกาสเข๎าเรียน ดังนั้น แนวคิดความเทําเทียมกันในผล (Equality of Outcome) จึงมุํงเน๎นที่ผลลัพธ์โดยทํา
ให๎มั่นใจวําบุคคลในกลุํมเสียเปรียบดังกลําวจะได๎มาซึ่งผลที่มุํงสํงเสริมนั้นในความเป็นจริง โดยมีการ
แทรกแซงลักษณะตํางๆ เพื่อให๎เกิดผลดังกลําว เชํน กําหนดโควตาในโอกาสการทํางาน การศึกษา หรือการ
รับบริการตํางๆ เพื่อบุคคลกลุํมนั้น
อยํางไรก็ตามจะเห็นได๎วํา มาตรการที่กําหนดขึ้นเพื่อสํงเสริมให๎เกิดความเทําเทียมกันทั้งความเทํา
เทียมกันในโอกาสและความเทําเทียมกันในผล ตํางเป็นการเลือกปฏิบัติตํอบุคคลนอกกลุํมที่มาตรการหรือ
นโยบายนั้นมุํงคุ๎มครอง แตํระดับการเลือกปฏิบัตินั้นมีความเข๎มข๎นหรือรุนแรงแตกตํางกัน กลําวคือ การ
สํงเสริมที่จุดเริ่มต๎นเพื่อให๎บุคคลผู๎เสียเปรียบได๎รับโอกาสอันเทําเทียมกับผู๎อื่นนั้น อาจพิจารณาได๎วําเป็นการ
ให๎สิทธิพิเศษ (Privilege) แกํบุคคลกลุํมผู๎เสียเปรียบโดยไมํให๎สิทธิดังกลําวแกํบุคคลนอกกลุํม แตํกระนั้น ใน
ผลสุดท๎ายแล๎วก็มิได๎เป็นการกีดกันหรือปิดโอกาสสําหรับบุคคลนอกกลุํม ในขณะที่การสํงเสริมความเทํา
เทียมกันที่จุดเปูาหมายหรือผลสุดท๎าย เชํน การกําหนดโควตาเฉพาะบุคคลบางกลุํม เป็นการกีดกันหรือปิด
โอกาสสําหรับคนนอกกลุํม จึงทําให๎แนวทางนี้ถูกโต๎แย๎งวําเป็นการเลือกปฏิบัติตํอบุคคลนอกกลุํมในระดับที่
รุนแรงกวํา อยํางไรก็ตามอาจพิจารณาได๎วํา แนวคิดเกี่ยวกับความเทําเทียมกันทั้งสองนี้ สอดคล๎องกับความ
เทําเทียมกันเชิงสาระ (Substantive Equality) ซึ่งมุํงให๎เกิดความเทําเทียมกันที่เป็นจริง โดยมิได๎พิจารณา
เฉพาะรูปแบบการปฏิบัติที่เหมือนกันตํอบุคคลที่เหมือนกันตามหลักความเทําเทียมกันตามรูปแบบเทํานั้น
นอกจากนี้ มาตรการสํงเสริมเพื่อให๎เกิดความเทําเทียมกันทั้งในจุดเริ่มต๎นและจุดเปูาหมายหรือผลสุดท๎าย
อาจเทียบเคียงได๎กับมาตรการยืนยันสิทธิเชิงบวก (Affirmative Action) ที่ได๎รับการยอมรับตามกฎหมาย
ระหวํางประเทศและกฎหมายประเทศตํางๆ ประเด็นที่ยากและยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได๎ก็คือ การสร๎าง
ความสมดุลระหวํางการกําหนดมาตรการเพื่อสํงเสริมหรือคุ๎มครองบุคคลในกลุํมเสียเปรียบโดยไมํเป็นการกีด
กันหรือเลือกปฏิบัติตํอบุคคลนอกกลุํมจนเกินสมควรนั่นเอง
4.5.1.7 การสร้างภาพเหมารวม (Stereotyping)
174
Ibid.