Page 318 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 318
294
สากล สอดคล๎องกับ หลักการห๎ามเลือกปฏิบัติโดยตรง ซึ่งมุํงเน๎นการพิจารณาการเลือกปฏิบัติจากกรณีการ
ปฏิบัติแตกตํางกันตํอสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกัน
4.5.1.2 ความเสมอภาคเชิงระบบหรือโครงสร้าง (Systemic Equality)
ดังที่กลําวมาแล๎ววํา ความเสมอภาคอยํางเป็นสากลนั้นอยูํบนพื้นฐานของการปฏิบัติตํอบุคคล
เหมือนกันโดยไมํคํานึงถึงความแตกตําง ซึ่งอาจสํงผลกระทบให๎บุคคลบางกลุํมเสียเปรียบหรือเสียโอกาส
ดังนั้น การปฏิบัติเหมือนกันซึ่งนําไปสูํความเทําเทียมกันอยํางเป็นสากลจึงสํงผลกระทบให๎เกิด “ความไมํ
เสมอภาคเชิงโครงสร๎างหรือเชิงระบบ” (Structural or Systemic Inequality) ซึ่งหมายถึงสภาพซึ่งบุคคล
กลุํมหนึ่งต๎องตกอยูํในสถานะที่ไมํเทําเทียมกันกับบุคคลกลุํมอื่น ความไมํเทําเทียมกันระหวํางบุคคลสองกลุํม
158
นี้อาจพิจารณาได๎จากความสัมพันธ์ที่ไมํเทําเทียมกันในบทบาท หน๎าที่ การตัดสินใจ สิทธิ และโอกาส
ดังนั้นจะเห็นได๎วํา ความไมํเสมอภาคเชิงโครงสร๎าง มีรากฐานมาจากแนวปฏิบัติปกติหรือประจําของสถาบัน
ทางสังคมตํางๆ โดยอาจจําแนกได๎หลายประเภท เชํน การจําแนกบุคคลตามถิ่นที่อยูํ การเลือกปฏิบัติด๎าน
159
การจ๎างงานและการศึกษา เป็นต๎น ทั้งนี้เนื่องจาก ตามลักษณะทั่วไปทางสังคมนั้น จะมีการจําแนกบุคคล
160
ตามบทบาท ในการจําแนกดังกลําวสํงผลให๎มีบางบทบาทเป็นที่ต๎องการมากกวําบทบาทอื่น สภาพและ
ลักษณะทางสังคมดังกลําวสํงผลให๎เกิดความไมํเทําเทียมกันได๎
จากข๎อจํากัดของแนวคิดความเสมอภาคอยํางเป็นสากลดังกลําว นําไปสูํแนวคิดความไมํเทําเทียม
กันเชิงระบบหรือเชิงโครงสร๎าง ซึ่งเน๎นวําความไมํเทําเทียมกันเกิดจากการปฏิบัติซ้ําๆ กันตํอกลุํมทางสังคม
บางกลุํมที่แตกตํางกัน แม๎วําจะเกิดขึ้นโดยปราศจากรูปแบบของการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจนหรือโดยเจตนาก็
ตาม แตํในท๎ายที่สุดได๎สํงผลทําให๎เกิดรูปแบบความไมํเสมอภาคสําหรับกลุํมบุคคลนั้นๆ (Group-Patterned
Inequalities) หรืออาจเรียกวําเกิดสภาวะที่บุคคลกลุํมครอบงํา (Dominant Group) กีดกันบุคคลอีกกลุํม
หนึ่งให๎เป็นกลุํมชายขอบ (Marginalized Group) ซึ่งความไมํเทําเทียมที่บุคคลกลุํมนี้ได๎รับนั้น ครอบคลุม
มิติตํางๆ ทางสังคม เชํน การศึกษา สถานะทางสังคม สุขภาพ คุณภาพชีวิต ความเป็นมารดา หรือการมีสํวน
ในทางการเมือง ยิ่งไปกวํานั้นความไมํเทําเทียมกันเชิงระบบนี้ เมื่อเกิดขึ้นในมิติใดของสังคมแล๎วจะสามารถ
สํงผลให๎เกิดความไมํเทําเทียมกันในมิติอื่นของสังคมได๎อีกรวมทั้งสํงผลตํอเนื่องจากคนรุํนหนึ่งไปสูํอีกรุํนหนึ่ง
161
ด๎วย นอกจากนี้ ในทางสังคมวิทยายังได๎มีความพยายามในการจําแนกความไมํเทําเทียมกัน (Inequality)
ออกเป็นสองประเภทคือ อคติสํวนบุคคล (Individual Bias) ซึ่งหมายถึงความคิดความเชื่อในทางลบของ
158 Anis A. Dani and Arjan de Haan, eds., Inclusive States: Social Policy and Structural Inequalities
(Washington, D.C: World Bank, 2008), p. 3.
159
Edward Cary Royce, Poverty and Power: the Problem of Structural Inequality (Lanham: Rowman
& Littlefield, 2009), p. 217.
160 Richard J. Arneson, “Equality of Opportunity,” Stanford Encyclopedia of Philosophy, Fall 2008
161 Melissa S. Williams, Voice, Trust, and Memory : Marginalized groups and the Failings of liberal
representation (Princeton University Press, 1998), pp. 175-178.