Page 303 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 303

279


                           4.4.7 การปฏิบัติที่แตกต่างกันซึ่งจัดอยู่ในขอบเขตของ “การเลือกปฏิบัติ”:  ค าร้องต่อ
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


                           จากการศึกษาคําร๎องตํอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติในบทที่ 2 พบวํามีหลายกรณีที่ผู๎ร๎อง
                   อ๎างวํามีการ “เลือกปฏิบัติ” เกิดขึ้น ซึ่งมักเป็นกรณีการนําข๎อเท็จจริงสองข๎อเท็จจริงมาเปรียบเทียบกันวํามี

                   การปฏิบัติตํอข๎อเท็จจริงดังกลําวแตกตํางกัน หากพิจารณาภายใต๎กรอบของกฎหมายสิทธิมนุษยชนแล๎ว
                   การปฏิบัติแตกตํางกันดังกลําวอยูํภายใต๎ขอบเขตการเลือกปฎิบัติ เชํน มีความเกี่ยวข๎องกับ “เหตุแหํงการ
                   เลือกปฏิบัติ”  ดังนี้ การปฏิบัติที่แตกตํางกันนั้นก็จัดเป็น “การเลือกปฏิบัติ”  ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน
                   ตัวอยํางของคําร๎องที่จัดอยูํในกลุํมนี้มีดังตํอไปนี้


                           - กรณีการสาบานตนกํอนเบิกความตามข๎อความในแบบพิมพ์ของศาลซึ่งกําหนดไว๎แตกตํางกัน
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติ มีข๎อเสนอแนะเชิงนโยบายในภาพรวมตํอสํานักงานศาลยุติธรรม

                   สํานักงานศาลปกครอง และ กรมพระธรรมนูญ เพื่อพิจารณาถึงรูปแบบและแนวทางการปฏิบัติที่เป็นไปใน
                   ทิศทางเดียวกัน เพื่อให๎เกิดความเป็นระบบในทุกชั้นศาลและเพื่อความเป็นสากล โดยควรที่จะเป็นการ
                   เฉพาะตัวของบุคคลที่กล่าวค าสาบาน ซึ่งไม่ควรมีการอ้างถึงครอบครัวในทุกศาสนา เพื่อให๎สอดคล๎องกับ
                   มาตรา 30 และ 35 ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (รายงานผลการพิจารณาที่

                   647/2555) กรณีนี้จะเห็นได๎วํา แบบพิมพ์ที่กําหนดไว๎สําหรับแตํละศาสนามีข๎อความแตกตํางกันโดยเฉพาะ
                   การพาดพิงผลร๎ายจากการสาบานไปยังครอบครัวซึ่งมีเฉพาะบางศาสนาแตํไมํปรากฏข๎อความดังกลําว
                   สําหรับบางศาสนา จึงเป็นความแตกตํางกันที่มีพื้นฐานจากเหตุ “ศาสนา”


                           - กรณีระเบียบคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม วําด๎วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน
                   การคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได๎รับที่ดินจากการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2535 ข๎อ 6 (4)
                   กําหนดไว๎วํา วําผู๎ที่มีสิทธิเข๎าทําประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. จะต๎องเป็น “ผู้มีร่างกายสมบูรณ์” โดยเจ๎าหน๎าที่

                   สํานักงานการปฎิรูปที่ดินจังหวัด ก ตีความหมายรวมถึงคนพิการทุกประเภท คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
                   แหํงชาติเห็นวํา “…การตีความดังกล่าวเป็นการตีความอย่างแคบ ท าให้ผู้ร้องถูกจ ากัดสิทธิและเสียสิทธิ
                   ในการเข๎าทําประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดิน…”  (รายงานผลการพิจารณาที่ 2/2555)  กรณีนี้จะเห็นได๎วํา

                   ระเบียบและการตีความระเบียบดังกลําว เป็นการปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันด๎วยเหตุแหํงความพิการทาง
                   กาย


                           - ระเบียบกองทัพบกวําด๎วยดุริยางค์ทหารบก พ.ศ.2553 ตามผนวกข๎อ 3 เกี่ยวกับบัญชีโรคหรือ
                   ความผิดปกติหรือความพิการซึ่งขัดตํอการเป็นนักเรียนดุริยางค์ทหารบก ข๎อยํอย 3.1.1.3 ซึ่งระบุวํา
                   “แผลเป็นหรือปานที่หน้ามีเนื้อที่ตั้งแต่ 1.5ตารางนิ้วขึ้นไป หรือมีความยาวมากจนดูหน้าเกลียด”
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหํงชาติเห็นวํา เป็นระเบียบที่อาจท าให้เกิดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

                   (รายงานผลพิจารณาที่ 194/2557)  กรณีนี้จะเห็นได๎วํา เป็นการปฏิบัติแตกตํางกันตํอบุคคลด๎วยเหตุ
                   “สภาพร่างกาย” อันระบุไว๎เฉพาะในรัฐธรรมนุญแหํงราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550
   298   299   300   301   302   303   304   305   306   307   308