Page 295 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 295
271
คําสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ซึ่งผู๎ร๎องเห็นวําเป็นการจํากัดสิทธิและทําให๎เกิดความไมํเทําเทียมกัน ในประเด็น
นี้จะเห็นได๎วําหลักการดังกลําวใช๎บังคับกับคูํความทุกคนเทําเทียมกัน กลําวคือ คูํความที่โต๎แย๎งคําสั่งศาลใน
กรณีมีคําสั่งอนุญาตให๎ยกเว๎นคําธรรมเนียมศาลหรือคําสั่งให๎ยกคําร๎องนั้น จะถูกจํากัดสิทธิโต๎แย๎งโดยให๎ยุติที่
ศาลอุทธรณ์ ในสํวนนี้จึงไมํมีการปฏิบัติที่แตกตํางกันด๎วยฐานะทางเศรษฐกิจ อยํางไรก็ตาม ผู๎วิจัยเห็นวํายังมี
ประเด็นอื่นที่เกี่ยวข๎องกับการเลือกปฏิบัติแตํมิได๎เป็นประเด็นในคดีนี้ กลําวคือ การที่กฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่งให้สิทธิคู่ความขอด าเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ จะเห็นได๎วํา
กฎหมายดังกลําว เป็นกฎหมายที่ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันด๎วยเหตุแหํง “สถานะทางเศรษฐกิจ” แตํทั้งนี้
ไมํเป็นการเลือกปฏิบัติเนื่องจากกฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อสํงเสริมให๎ผู๎เสียเปรียบทางสถานะดังกลําวได๎มี
โอกาสเทําเทียมกันในการดําเนินคดีในศาล
- กรณีที่เกี่ยวข๎องกับความเทําเทียมและการเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุแหํงเพศนั้น พบวํามีกรณีที่ผู๎ร๎อง
อ๎างวําประมวลรัษฎากรเลือกปฏิบัติตํอบุคคลด๎วยเหตุแหํงเพศ เนื่องจากกําหนดให๎ ผู๎ร๎อง (สามี) ต๎องนําเงิน
ได๎ของภริยา ซึ่งเป็นรายได๎อื่นที่ไมํใชํรายได๎ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1) มารวมคํานวณเปนเงินได๎
ของผู๎ร๎อง โดยไมกําหนดใหสามีมีสิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีตํางหาก เฉพาะสวนที่เป็นเงินได๎พึง
ประเมินตามมาตรา 40 (1) ดวย จึงเปนกฎหมายที่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างใน
เรื่องเพศ ประเด็นนี้มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสองคดี ซึ่งวินิจฉัยไว๎แตกตํางกัน คดีแรกตัดสินตาม
รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 คดีที่สองตัดสินตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550
- ในคดีแรก ผูรอง เห็นวา บทบัญญัติแหํงประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ
เป็นกฎหมายที่ทําใหบุคคลไมเสมอกันในกฎหมาย และไมไดรับความคุมครองตามกฎหมายเทาเทียมกัน
ทําใหชายและหญิงมีสิทธิไมเทาเทียมกัน จึงขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 อยํางไรก็ตาม ศาล
รัฐธรรมนูญวินิจฉัยวํา “ประมวลรัษฎากร ...เป็นกฎหมายเพื่อประโยชนในการจัดเก็บภาษีของรัฐ มีผลใช๎
บังคับกับสามีและภริยาทั้งหมดที่มีเงินไดพึงประเมินเป็นการทั่วไปอยางเทําเทียมกัน จึงถือไมไดวา เป็นการ
เลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตอบุคคลเพราะเหตุแหงความแตกตางใน เรื่องถิ่นกําเนิด เพศ อายุ สภาพทาง
กายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ตามที่ บัญญัติไวในรัฐธรรมนูญ มาตรา
30 วรรคสาม แมวาประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี ก าหนดใหถือเงินไดพึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้
ของสามี โดยให้สามีมีหนาที่ยื่นรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแทนภริยาจะกระทบกระเทือนตอสิทธิ
และเสรีภาพของผู้เป็นสามีอยู่บ้างก็ตาม แตํก็เทําที่จําเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีของรัฐ และมิได
กระทบตอสาระสําคญแหํงสิทธิและเสรีภาพสวนบุคคล ครอบครัว และทรัพย์สินตามที่บัญญัติไวใน
รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ดังนั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี จึงไมํ ขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญ ..มาตรา
30” (คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 48/2545)
จะเห็นได๎วํา กฎหมายที่พิพาทในกรณีนี้ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกัน กลําวคือให๎สามีนําเงินได๎ของ
ภริยามารวมคํานวณ แตํในทางกลับกันไมํให๎ภริยานําเงินได๎ของสามีไปรวมคํานวณกับเงินได๎ของตน โดย
เนื้อหาจึงเป็นความไมํเทําเทียมกันด๎วยเหตุแหํงเพศ นอกจากนี้ยังอาจพิจารณาวําเป็นความไมํเทําเทียมด๎วย
เหตุ “สถานะของบุคคล” กลําวคือสถานะทางครอบครัวในความเป็นสามีและภริยาอีกด๎วย แม๎ศาล