Page 290 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 290

266


                   เป็นสมาชิกกองทุนสํารองเลี้ยงชีพระหวํางวันที่ 13 กันยายน 2537 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2538 จึงมีลักษณะ
                   เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม  ตามมาตรา  30  ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยฯประกอบกับ

                   มาตรา  9  วรรคหนึ่ง  (1)  แหํงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ  ประกาศฯ  ดังกลําวจึงไมํชอบด๎วย
                   กฎหมาย


                           จากคดีนี้จะเห็นได๎วํา ลูกจ้างทั้งสามกลุ่มมีลักษณะ “เหมือนกัน”  กล่าวคือ สมัครเป็นสมาชิก
                   กองทุนส ารองเลี้ยงชีพที่มีอายุไม่ต่ ากว่าห้าสิบปีบริบูรณ์  โดยได้ท างานกับนายจ้างมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
                   และได้ออกจากงานเพราะเกษียณอายุก่อนการเป็นสมาชิกกองทุนส ารองเลี้ยงชีพครบห้าปีเหมือนกัน แตํ
                   ได๎รับการปฏิบัติที่แตกตํางกันเพียงเพราะเหตุแหํงชํวงเวลาที่ลูกจ๎างแตํละกลุํมสมัครเป็นสมาชิกกองทุน

                   สํารองเลี้ยงชีพ ศาลจึงเห็นวําเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งกรณีนี้การเลือกปฏิบัติเกิดจากเหตุอื่นที่มิใช่เหตุแห่ง
                   การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ฯลฯ


                            สําหรับบางคดีที่มีประเด็นการกําหนดเงินคําทดแทนที่ดินแกํผู๎ถูกเวนคืนแตกตํางกัน ปัจจัยที่นํามา
                   เปรียบเทียบคือ ที่ดินที่อยูํติดซอยสํวนบุคคลเชํนเดียวกันและมีสภาพที่ดินคล๎ายกับที่ดินของผู๎ฟูองคดี  ซึ่ง
                   คณะกรรมการกําหนดคําทดแทนมากกวําที่ดินของผู๎ฟูองคดี ศาลปกครองให๎ผู๎ถูกฟูองคดี  วินิจฉัยอุทธรณ์
                   ของผู๎ฟูองคดีใหมํในราคาที่เป็นธรรมใกล๎เคียงกับที่ดินที่อยูํในบริเวณเดียวกัน (คําพิพากษาศาลปกครอง

                   กลางที่ 1272/2545) จะเห็นได๎วําเป็นกรณีข๎อเท็จจริงที่เหมือนกัน (ที่ดินสภาพเดียวกัน) แตํได๎รับการปฏิบัติ
                   ที่แตกตํางกัน (กําหนดคําทดแทนแตกตํางกัน) จึงเป็นการปฏิบัติที่แตกตํางกัน แม๎วําไมํเกี่ยวข๎องกับเหตุแหํง
                   การเลือกปฏิบัติเชํน เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ แตํศาลก็วินิจฉัยวําเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม


                           เชํนเดียวกับคดีที่มีประเด็นการแบํงราษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณที่ที่จะเวนคืนออกเป็นสองกลุํม
                   กลุํมแรกเป็นกลุํมที่รํวมเรียกร๎องกับสมัชชาคนจน  จํานวน  38  รายสํวนกลุํมที่สองเป็นกลุํมที่ไมํได๎รํวม
                   เรียกร๎องกับสมัชชาคนจนและยินยอมให๎ดําเนินการกํอสร๎างทางหลวงได๎กํอน จํานวน 16 ราย ซึ่งผู๎ฟูองคดี

                   อยูํในกลุํมดังกลําว  และได๎มีการพิจารณากําหนดคําทดแทนให๎แกํราษฎรทั้งสองกลุํม  ผู๎ฟูองคดีเห็นวําการ
                   กําหนดคําทดแทนไมํชอบ เนื่องจากที่ดินของผู๎ฟูองคดีซึ่งตั้งอยูํติดตํอกับที่ดินของผู๎ที่อยูํในกลุํมแรก แตํที่ดิน
                   แปลงดังกลําวกลับได๎รับคําทดแทนในอัตราที่สูงกวํา ศาลปกครองอ๎างหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ

                   แหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 อันมีหลักวําจะต๎องปฏิบัติตํอสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกันอยําง
                   เทําเทียมกัน  และจะต๎องปฏิบัติตํอสิ่งที่มีสาระสําคัญที่แตกตํางกันให๎แตกตํางกันไป  สําหรับกรณีนี้
                   สาระสําคัญที่เหมือนกัน คือ ผู๎ครอบครองที่ดินทั้ง 54 รายที่ถูกเวนคืนที่ดิน ซึ่งได๎โต๎แย๎งกรรมสิทธิ์และยัง
                   ไมํได๎มีการพิสูจน์สิทธิตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการแก๎ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) การที่ผู๎ถูก

                   ฟูองคดีแบํงเกณฑ์การกําหนดคําทดแทนเป็นสองกลุํมเป็นการปฏิบัติตํอสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกันให๎
                   แตกตํางกัน ซึ่งขัดกับหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 จึงมิ
                   ชอบด๎วยกฎหมายและไมํเป็นธรรม (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.22/2551)


                           จากคดีที่เกี่ยวข๎องกับการเวนคืนดังกลําวจะเห็นได๎วํา ผู๎ฟูองคดีอ๎างวํามีการเลือกปฏิบัติเนื่องจาก
                   บุคคลที่อยูํในสถานะเหมือนกันหรือที่ดินที่อยูํในสภาพเหมือนกัน แตํได๎รับคําทดแทนที่แตกตํางกัน โดยศาล
                   นําหลักความเทําเทียมกันตามรัฐธรรมนูญมาปรับใช๎และตัดสินวําเป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดตํอหลักความ
   285   286   287   288   289   290   291   292   293   294   295