Page 294 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 294

270


                           -  สําหรับกรณีความแตกต่างระหว่างสถานะของบุคคลในมิติการจ้างแรงงาน พบวํามีคดีที่
                   เกี่ยวกับสถานะของนายจ๎างและลูกจ๎าง ซึ่งจําเลยโต๎แย๎งวํา พระราชบัญญัติคุ๎มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

                   มาตรา 120 ให๎สิทธิเฉพาะลูกจ๎างฝุายเดียวที่มีสิทธิยื่นคําขอให๎คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณา
                   วินิจฉัย โดยไมํให๎สิทธิใดๆ แกํฝุายนายจ๎างและไมํได๎รับความเสมอกันในบทบัญญัติของกฎหมายเทํากับฝุาย
                   ลูกจ๎าง จึงขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญมาตรา 29 และ 30 อยํางไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎วเห็นวํา
                   กฎหมายดังกลําวเป็นกฎหมายที่มีเจตนารมณ์เพื่อคุ๎มครองลูกจ๎างผู๎มีฐานะที่ด๎อยทางเศรษฐกิจ...อีกทั้งยัง

                   เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร๎อยของประชาชนและบัญญัติขึ้นเพื่อแก๎ปัญหาความขัดแย๎งระหวําง
                   นายจ๎างและลูกจ๎างและมีเจตนารมณ์เพื่อคุ๎มครองลูกจ๎าง ..มิได๎ขัดตํอหลักความเสมอภาค และยังเป็นการ
                   สํงเสริมให๎ลูกจ๎างสามารถใช๎สิทธิและเสรีภาพเชํนเดียวกับนายจ๎าง ยํอมไมํถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็น
                   ธรรม จึงไมํขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญมาตรา 29 และ 30 (คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 33/2548)  ดังนั้น

                   อาจกลําวได๎วําในคดีนี้ เป็นกรณีการปฏิบัติที่แตกตํางกันและเกี่ยวข๎องกับเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ คือกรณี
                   สถานะของบุคคล อยํางไรก็ตาม การปฏิบัติอันแตกตํางดังกลําวนั้นมีเหตุผลอันสมควรประกอบกับเป็น
                   กฎหมายที่มุํงคุ๎มครองลูกจ๎างซึ่งเป็นกลุํมที่กฎหมายเห็นวําเสียเปรียบ จึงไมํเป็นการเลือกปฏิบัติ


                           -  กรณีที่เกี่ยวข๎องกับ  “สถานะทางเศรษฐกิจ”  นั้นมีประเด็นที่ ผู๎ร๎องกับพวกอ๎างวํา ประมวล
                                                               145
                   กฎหมายวิธีพิจารณาความแพํง มาตรา 156 วรรคห๎า  บัญญัติให๎คูํความที่ขอดําเนินคดีอยํางคนอนาถามี
                   สิทธิอุทธรณ์ตํอไปได๎ ค าสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด นั้นเป็นการตัดสิทธิหรือปิดโอกาสผู๎ซึ่งมี

                   ฐานะยากจนไมํมีเงินเพียงพอหรือไมํมีทรัพย์สินอื่นใดที่จะนํามาชําระคําธรรมเนียมศาลต๎องถูกจํากัดสิทธิ อัน
                   เป็นการขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 และ 30 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎ว
                   เห็นวํา “ ... การที่ให้ค าสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดนั้นเนื่องจากปัญหาที่ว่าบุคคลนั้นเป็นคนยากจนหรือไม่

                   ได้รับการพิจารณามาแล้วถึงสองศาล และปัญหาข้อนี้ไม่ใช่ประเด็นในคดีโดยตรง จึงควรให้ยุติที่ศาลอุทธรณ์
                   ไม่ควรให้ยืดเยื้อฎีกาต่อไปได้อีก ซึ่งเหมาะสมและเป็นธรรมแกํคูํความแล๎ว กรณีดังกล่าวแม้เป็นการจ ากัด
                   สิทธิอยู่บ้างแต่ก็เป็นการจ ากัดเท่าที่จ าเป็นและไม่กระทบกระเทือนสาระส าคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ
                   นอกจากนี้ยังใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่ได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคล
                   หนึ่งเป็นการเจาะจง เป็นบทบัญญัติที่ใช๎กับคูํความอยํางเทําเทียมกัน  โดยไมํคํานึงถึงฐานะของคูํความแตํ

                   อยํางใด ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพํง มาตรา 156 วรรคห๎าจึงไมํขัดหรือแย๎งกับรัฐธรรมนูญ
                   มาตรา 29 และ 30 (คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15/2549) คดีนี้มีประเด็นเฉพาะเกี่ยวกับหลักการตาม
                   กฎหมายวิธีพิจารณาความแพํงในสํวนที่จํากัดการอุทธรณ์คําสั่งศาลเกี่ยวกับการยกเว๎นคําธรรมเนียมโดยให๎




                   145   คดีนี้ตัดสินกํอนมีการแก๎ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพํง ทั้งนี้ตํอมาในปี 2551 มาตรา 156 ได๎มีการแก๎ไข
                   เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก๎ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพํง (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2551 โดยหลักการ
                   เกี่ยวกับการอุทธรณ์คําสั่งปรากฎในมาตรา 156/1 ดังนี้ ในกรณีที่ศาลมีค าสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่
                   เฉพาะบางส่วน หรือมีค าสั่งให้ยกค าร้อง ผู้ขออาจอุทธรณ์ค าสั่งนั้นต่อศาลได้ภายในก าหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีค าสั่ง
                   ค าสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด อยํางไรก็ตาม หลักการตามกฎหมายที่แก๎ไขใหมํยังคงให๎คําสั่งของศาลอุทธรณ์
                   เป็นที่สุดเชํนเดียวกับกรณีตามคดีนี้
   289   290   291   292   293   294   295   296   297   298   299