Page 282 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 282
258
เกิดจากสาเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติที่กฎหมายกําหนด ก็ยังไมํถือวําเป็นการเลือกปฏิบัติตามกฎหมาย
อยํางไรก็ตาม ในคดีปกครองหลายคดีผู๎ฟูองคดีมักจะฟูองวําตนถูก “เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม” เนื่องจาก
มีความแตกตํางกันเกิดขึ้นโดยการเปรียบเทียบกับบุคคลที่อยูํในสภาพเดียวกัน ซึ่งก็จะต๎องพิจารณาตํอไปวํา
ความแตกตํางดังกลําวเกิดจากเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ เชํน เชื้อชาติ ภาษา เพศ ฯลฯ หรือไมํ
ตัวอยํางเชํน ในคดีปกครองซึ่งมีประเด็นวําพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2549 นั้น
สํงผลให๎เกิดการเลือกปฏิบัติตํอนักโทษ โดยนักโทษบางประเภทอ๎างวําไมํได๎รับการลดโทษหรือได๎รับโดยไมํ
เทําเทียมกันนักโทษประเภทอื่น ศาลวินิจฉัยวําไมํเป็นการเลือกปฏิบัติ เชํน คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ที่ ฟ.44/2551 ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2549 ไมํเป็นการ
เลือกปฏิบัติและเป็นบทบัญญัติที่ออกโดยชอบดวยกฎหมายแลว
เหตุผลจากคําพิพากษาศาลที่แสดงให๎เห็นถึงการนํา “เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ” มาประกอบการ
วินิจฉัย ปรากฏดังเชํน คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.22/2554 ศาลวินิจฉัยวํา มาตรา 8 แหํง พ.ร.ฎ.
พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2550 มิได๎มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติตํอผู๎ฟูองคดีและนักโทษเด็ดขาดเชํนผู๎
ฟูองคดีโดยไมํเป็นธรรมอันเป็นการขัดตํอมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
2550 โดยศาลอธิบายวํา “การที่ผู๎ใช๎อํานาจรัฐปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันเพราะเหตุแหํงความแตกตํางใน
เรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ
หรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไมํขัดตํอบทบัญญัติแหํง
รัฐธรรมนูญหรือ ในเรื่องอื่นใด จะถือวําเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรมได๎ก็ตํอเมื่อการปฏิบัติตํอบุคคล
แตกตํางกันเพราะเหตุแหํงความแตกตํางในเรื่องตํางๆ ดังกลําว เป็นไปตามอําเภอใจ ของผู๎ใช๎อํานาจรัฐ
ปราศจากเหตุผลอันควรคําแกํการรับฟังเทํานั้น” อยํางไรก็ตาม ผู๎วิจัยมีข๎อสังเกตวํา คดีนี้แม๎ศาลอธิบายถึง
“เหตุแหํงการเลือกปฎิบัติ” แต่ไม่ได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนในประเด็นว่า กรณีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งการเลือก
ปฎิบัติเหตุใด เนื่องจากศาลมุํงเน๎นไปที่การพิจารณาถึงองค์ประกอบ “ไมํเป็นธรรม” โดยใช๎อธิบายวํา การ
เลือกปฎิบัติจะถือได๎วํา “ไมํเป็นธรรม” เมื่อเป็นไปตามอําเภอใจ ปราศจากเหตุผลฯ
นอกจากนี้ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.31/2553 ได๎อธิบายไว๎ชัดเจนวํา การปฏิบัติที่
แตกตํางกันระหวํางนักโทษที่ได๎รับโทษตามฐานความผิดหนึ่งกับนักโทษที่ได๎รับโทษตามฐานความผิดอื่นนั้น
ไม่เข้าเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมาย ดังจะเห็นได๎จากที่ศาลอธิบายวํา “เนื้อหาของ
พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.
2549 เป็นการปฏิบัติตํอนักโทษเด็ดขาดซึ่งต๎องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให๎จําคุกเกินแปดปี แตํไมํถึง
ตลอดชีวิต ในความผิดฐานผลิตนําเข๎าหรือสํงออก หรือผลิต นําเข๎าหรือสํงออกเพื่อจําหนําย หรือจําหนําย
หรือมีไว๎ในครอบครองเพื่อจําหนําย ตามกฎหมายวําด๎วยยาเสพติดให๎โทษ กฎหมายวําด๎วยมาตรการในการ
ปราบปรามผู๎กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกฎหมายวําด๎วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ตํอจิตและประสาท
แตกตํางกับที่ปฏิบัติตํอนักโทษเด็ดขาดซึ่งต๎องโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดให๎จําคุกไมํถึงตลอดชีวิตใน
ความผิดฐานอื่น การเลือกอภัยโทษเฉพาะนักโทษที่กําหนดไว๎ดังกลําวยังไมํเป็นเหตุที่จะถือวําเป็นการเลือก
ปฏิบัติอยํางไมํเป็นธรรม การที่ผู๎ใช๎อํานาจรัฐปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันเพราะเหตุแหํงความแตกตํางใน