Page 259 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 259

235


                           สําหรับกรณีของ สนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนอเมริกันนั้น หลักการห๎ามเลือกปฏิบัติจัดอยูํในหลัก
                   “Equality Principle” หรือหลักความเทําเทียมกัน โดยมิได๎มีการกําหนดคําวําการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม
                                                                                   128
                   หรือไมํเป็นธรรม ทั้งนี้ ในข้อเสนอแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของคอสตาริกา   IACHR  อธิบายหลักการ
                   ตามมาตรา 24 ว่า “การปฏิบัติที่แตกตํางกัน (Difference  in  Treatment)  โดยรัฐ จะไมํเป็นการเลือก
                   ปฏิบัติ หากมีการจําแนกบุคคลบนพื้นฐานข๎อเท็จจริงที่แตกตํางกันและมีความสัมพันธ์อยํางสมเหตุผลและได๎
                   สัดสํวนระหวํางการปฏิบัติที่แตกตํางนั้นกับวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติดังกลําว” จะเห็นได๎วํา “การปฏิบัติที่

                   แตกตํางกัน” ยังไมํถือวําเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยต๎องพิจารณาตํอไปถึงเหตุผลและความได๎สัดสํวน กลําวคือ
                   หากความแตกตํางนั้นมีเหตุผลสมควรรองรับ และเมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหวํางวิธีการกับวัตถุประสงค์
                   แล๎วมีความได๎สัดสํวนกันแล๎ว การปฏิบัติที่แตกตํางกัน ก็จะไมํเป็นการเลือกปฏิบัติ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็น
                   เพียงการปฏิบัติที่แตกตํางกัน (Difference in Treatment) ซึ่งไมํต๎องห๎ามตามกฎหมาย


                           เมื่อเปรียบเทียบกฎหมายระหวํางประเทศด๎านสิทธิมนุษยชนกับรัฐธรรมนูญของไทยจะพบความ
                   คล๎ายคลึงกันในกรอบหลักการวํา หลักการห๎ามเลือกปฏิบัติจัดอยูํในหลักความเทําเทียมกัน  ดังนั้น การ

                   ปฏิบัติที่แตกตํางกัน (Difference  in  Treatment) โดยสภาพทั่วไปแล๎ว สํงผลให๎เกิดความไมํเทําเทียมกัน
                   แตํตามกฎหมายระหวํางประเทศและกฎหมายตํางประเทศนั้น พบวํา เมื่อมีประเด็นพิจารณาวํามาตรการ
                   หรือกฎเกณฑ์ที่มีลักษณะการปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไมํ จะมีการนําปัจจัย
                   ตํางๆมาพิจารณา เชํน ปัจจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหวํางมาตรการนั้นและวัตถุประสงค์ที่มาตรการนั้นมุํง

                   หมาย หลักความได๎สัดสํวนระหวํางมาตรการหรือกฎเกณฑ์นั้นกับวัตถุประสงค์ ความสมเหตุผลของ
                   มาตรการหรือกฎเกณฑ์นั้น เป็นต๎น หากผํานการพิจารณาด๎วยปัจจัยดังกลําวแล๎วพบวํามาตรการนั้นสม
                   เหตุผลหรือมีความชอบธรรม (Justification) โดยเฉพาะอยํางยิ่งมาตรการที่มีลักษณะการปฏิบัติแตกตํางกัน

                   แตํสํงผลให๎เกิดความเทําเทียมกันของบุคคล เชํน มาตรการยืนยันสิทธิเชิงบวก (Affirmative  Action)
                   มาตรการนั้นจะเป็นเพียง “การปฏิบัติที่แตกตําง”  (Difference  in  Treatment)  ซึ่งไมํต๎องห๎ามตาม
                   กฎหมาย แตํหากมาตรการนั้นไมํสมเหตุผล ไมํได๎สัดสํวน ก็จะเรียกวํา “การเลือกปฏิบัติ” (Discrimination)
                   ซึ่งต๎องห๎ามตามกฎหมาย โดยไมํมีการจําแนก การปฏิบัติที่แตกตําง ออกเป็น การเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม
                   และ การเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม


                           หากเปรียบเทียบกับหลักการตามรัฐธรรมนูญสองฉบับของไทยดังที่ได๎วิเคราะห์มาข๎างต๎นจะเห็นได๎
                   วํา แม๎ตัวบทมิได๎บัญญัติถึงเหตุผล(Justification) หรือปัจจัยในการพิจารณาการปฏิบัติที่แตกตํางกันวําเป็น

                   การเลือกปฏิบัติหรือไมํ แตํอาจกลําวได๎วํา เหตุผลหรือปัจจัยในการพิจารณาวําการปฏิบัติที่แตกตํางกัน
                   ระหวํางบุคคลนั้นจะต๎องห๎ามตามกฎหมายหรือไมํนั้นจะอยูํที่การตีความคําวํา “ไมํเป็นธรรม” ของการเลือก
                   ปฏิบัติ กลําวคือ หากมีเหตุผลสมควรแล๎วแม๎วํามีการปฏิบัติที่แตกตํางกันด๎วยเหตุตํางๆที่ระบุไว๎ ก็ไมํถือวํา

                   เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม หรือหากการปฏิบัติที่แตกตํางกันนั้นเข๎าองค์ประกอบของการสํงเสริมให๎
                   เกิดความเทําเทียมกันตามวรรคท๎ายของมาตรา 30 แล๎วก็ไมํถือวําเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรมแตํกรณี



                   128  Advisory Opinion on Proposed Amendments to the Naturalization Provision of the Constitution of
                   Costa Rica, OC-4/84, Inter-American Court of Human Rights (IACrtHR), 19 January 1984
   254   255   256   257   258   259   260   261   262   263   264