Page 251 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 251

227


                   เห็นวํา ผลการสอบข๎อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข๎อเท็จจริง นําเชื่อได๎วําเหตุที่ผู๎ถูกฟูองคดีไมํจ๎างผู๎ฟูอง
                   คดีเข๎าปฏิบัติงานตํอ  เนื่องจากผู๎ถูกฟูองคดีไมํชอบพี่ชายและบิดาของผู๎ฟูองคดีที่ชอบมาวุํนวายในองค์การ

                   บริหารสํวนตําบล  และมีปัญหาขัดแย๎งกับผู๎บริหารเป็นการสํวนตัว ดังนั้น ศาลจึงตัดสินวํา การที่ผู๎ฟูองคดี
                   ผํานเกณฑ์ประเมิน แตํผู๎ถูกฟูองคดีไมํตํอสัญญาจ๎างให๎แกํผู๎ฟูองคดีโดยไมํมีเหตุผลอันควร  จึงเป็นการเลือก
                   ปฏิบัติและใช๎ดุลพินิจโดยไมํชอบด๎วยกฎหมาย


                           อยํางไรก็ตามจากการศึกษาคําพิพากษาศาลปกครองพบวํา “การเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม”
                   ตามแนวคําพิพากษาศาลปกครองและในบริบทของกฎหมายปกครองนี้ มีลักษณะแตกตํางจาก การเลือก
                   ปฏิบัติตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหวํางประเทศ เนื่องจากศาลตัดสินวํามีการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็น

                   ธรรมจากกรอบการพิจารณาที่กว๎างกวําการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนซึ่งจะต๎องเกี่ยวข๎องกับ
                   เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติเชํน เชื้อชาติ ศาสนา เพศ ฯลฯ นอกจากนี้ “การเลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม” ใน
                   บริบทของกฎหมายปกครองนั้น ศาลยังพิจารณาประกอบกับการ “ใช๎ดุลพินิจโดยมิชอบ” ด๎วย ในประเด็น
                                                                                118
                   เกี่ยวกับเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ จะได๎แยกวิเคราะห์ตํางหากอีกหัวข๎อหนึ่ง




                           4.3.3 วิเคราะห์หลักการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (Unfair  Discrimination)  ตามแนวค า
                   พิพากษาศาลไทย : ศาลรัฐธรรมนูญ


                           จากหลักการตามรัฐธรรมนูญของไทยที่ผํานมา พบวํามีการกําหนดหลักการห๎ามเลือกปฏิบัติไว๎เป็น
                   สํวนหนึ่งของหลักความเทําเทียมกัน โดยระบุห๎ามการ “เลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม”  โดยมีความเกี่ยวข๎อง

                   สัมพันธ์กับ “เหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ เชํน ตามมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 กําหนดวํา
                   การเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมเกี่ยวข๎องกับ ถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทาง
                   กายหรือสุขภาพ  สถานะของบุคคล  ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม  ความเชื่อทางศาสนา  การศึกษาอบรม
                   หรือความคิดเห็นทางการเมือง”


                            ในคดีที่มีประเด็นที่อ๎างวํา การเรียกดอกเบี้ยเงินกู๎ยืมเป็นการเลือกปฏิบัติอันขัดตํอรัฐธรรมนูญ

                   เนื่องจากสถาบันการเงินสามารถเรียกดอกเบี้ยเงินกู๎ยืมได๎ในอัตราสูงกวําที่ประมวลกฎหมายแพํงและ
                   พาณิชย์กําหนดไว๎ ทั้งนี้เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะกําหนดให๎สามารถทําได๎ แตํศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวําไมํ

                   เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม (คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2542) คดีนี้มีข๎อพิจารณาวําโดยสภาพ
                   ข๎อเท็จจริงแล๎ว หากเปรียบเทียบระหวํางการเรียกดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน และ องค์กรหรือบุคคลอื่นที่

                   มิใชํสถาบันการเงิน จะเห็นได๎วําการเรียกดอกเบี้ยมีความแตกตํางกัน (Distinction/Differentiation)  โดย

                   กฎหมายกําหนดให๎สามารถเรียกแตกตํางกันได๎ อยํางไรก็ตาม หากพิจารณาหลักการเลือกปฏิบัติตาม
                   กฎหมายสิทธิมนุษยชนแล๎วจะเห็นได๎วํา ความแตกตํางนี้ยังไมํถือเป็น “การเลือกปฏิบัติ” เนื่องจาก (1) หาก



                   118
                      หัวข๎อ 4.4 วิเคราะห์ ขอบเขตของ “การเลือกปฏิบัติ” ในบริบทกฎหมายไทย
   246   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256