Page 247 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 247
223
โดยนัยนี้ การเลือกปฏิบัติจึงเป็นหลักที่มีความสัมพันธ์กับหลักความเทําเทียมกัน กลําวคือ การ
กระทํานั้นหากเข๎าองค์ประกอบตามวรรคสามก็จะเป็นการ “เลือกปฏิบัติที่ไมํเป็นธรรม” อันขัดตํอหลัก
ความเทําเทียมกัน แตํหากการกระทํานั้นเข๎าองค์ประกอบตามวรรคท๎ายก็จะถูกยกเว๎นไมํถือเป็น “การเลือก
ปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม” ซึ่งการกระทําลักษณะนี้อาจอธิบายวําเป็น “การเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม” เพื่อเป็น
การจําแนกการปฏิบัติที่ไมํขัดตํอหลักความเสมอภาคและการปฏิบัติที่สอดคล๎องกับหลักความเสมอภาค
แม๎วํารัฐธรรมนูญจะมิได๎เรียกวํา “การเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม” ก็ตาม อยํางไรก็ตามมีข๎อสังเตกวํา
รัฐธรรมนูญมิได๎กําหนดนิยามความหมายของ “การเลือกปฏิบัติ” (Discrimination) ไว๎
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีหลักการเกี่ยวกับความเทําเทียมกัน และ
การเลือกปฏิบัติดังนี้
มาตรา 5
“ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่าก านิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ใน ความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญ
นี้เสมอกัน”
มาตรา 30
“บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เท่าเทียมกัน
ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ
ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสังคม
ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญจะกระท ามิได้
มาตรการที่รัฐก าหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและ เสรีภาพได้
เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม”