Page 242 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 242
218
กรณีนี้เห็นได๎วํา ศาลพิจารณาตามแนวของหลักการเลือกปฏิบัติโดยตรง เนื่องจากเปรียบเทียบ
เนื้อหากฎเกณฑ์วําใช๎บังคับกับนักศึกษาทุกคนเทําเทียมกัน กลําวคือ โดยเนื้อหาของกฎเกณฑ์ที่พิพาทซึ่งให๎
ใช๎ภาษาอังกฤษในการเขียนวิทยานิพนธ์นั้นใช๎บังคับกับนักศึกษาทุกคน มิได๎มุํงหมายใช๎กับนักศึกษาบางคน
ด๎วยเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ อยํางไรก็ตาม ในอีกแงํหนึ่งอาจโต๎แย๎งได๎วํา กฎเกณฑ์นี้แม๎ใช๎กับนักศึกษาทุก
คนเหมือนกัน แตํสํงผลในทางปฏิบัติให๎นักศึกษาที่ใช๎ภาษาไทยเป็นภาษาหลักได๎รับความเสียเปรียบ
นักศึกษาที่ใช๎ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก หรือ นักศึกษาที่มีความชํานาญในการเขียนภาษาอังกฤษ กับ
นักศึกษาที่ไมํมีความชํานาญในการเขียนภาษาอังกฤษ จึงอาจเป็นการเลือกปฏิบัติโดยอ๎อมได๎ แตํก็ยังต๎อง
พิจารณาตํอไปอีกวํา การกํอให๎เกิดผลในทางปฏิบัติที่แตกตํางเชํนนี้ เป็นไปด๎วยเหตุผลเพื่อบรรลุ
วัตถุประสงค์อะไร และวัตถุประสงค์นั้นมีความจําเป็น สมเหตุผลหรือไมํ
ในคดีที่มีประเด็นการเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุ “ฐานะทางเศรษฐกิจ” นั้น ศาลได๎เปรียบเทียบผู๎ได๎รับ
ผลกระทบจากประกาศที่พิพาท ดังจะเห็นได๎จาก คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.18/2547 ซึ่งเป็นกรณี
ที่ผู๎ฟูองคดีเป็นผู๎ประกอบกิจการสนามกอล์ฟ ได๎รับความเดือดร๎อนเสียหายจากการที่รัฐมนตรีวําการ
กระทรวงการคลัง (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2) ได๎ออกประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง กําหนดสถานบริการฯ ทําให๎ผู๎
ประกอบกิจการสนามกอล์ฟรวมทั้งผู๎ฟูองคดีต๎องประสบปัญหาทางด๎านเศรษฐกิจต๎องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ผู๎ฟูอง
คดีจึงได๎มีหนังสือถึงผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2 และผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2 มีหนังสือแจ๎งผู๎ฟูองคดีวําผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟ
สํวนใหญํเป็นผู๎มีฐานะทางการเงินดี ควรเสียภาษีให๎รัฐ จึงไมํสมควรยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจาก
สนามกอล์ฟ ผู๎ฟูองคดีเห็นวํา การที่ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2 ไมํพิจารณายกเลิกการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตของ
สนามกอล์ฟ โดยให๎เหตุผลวําผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเป็นผู๎มีฐานะทางการเงินดี เทํากับเป็นการเลือกปฏิบัติ
โดยไมํเป็นธรรมตํอผู๎ใช๎สนามกอล์ฟเพราะเหตุฐานะทางเศรษฐกิจ จึงเป็นการขัดตํอมาตรา 30 ของ
รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยฯ จึงนําคดีมาฟูองขอให๎ศาลเพิกถอนประกาศดังกลําว ศาลปกครอง
สูงสุดวินิจฉัยว่า “…ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กําหนดสถานบริการฯ กําหนดให๎สนามกอล์ฟทุกแหํง
เสมอเหมือนกันมิได๎มีการเลือกปฏิบัติกับสนามกอล์ฟรายหนึ่งรายใดโดยเฉพาะ และแม๎ผู๎ประกอบการสนาม
กอล์ฟจะผลักภาระภาษีดังกลําวให๎ผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเป็นผู๎รับภาระ ก็หาได๎เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํ
เป็นธรรมตํอผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเพราะเหตุฐานะทางเศรษฐกิจไมํ เพราะไม่ว่าผู้ใดจะใช้บริการสนาม
กอล์ฟก็ต้องแบกรับภาระภาษีดังกล่าวเหมือนกัน…. ดังนั้น ประกาศดังกลําวจึงไมํมีลักษณะเป็นการเลือก
ปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม” จากคดีนี้จะเห็นได๎วํา ศาลเปรียบเทียบผู๎ได๎รับผลกระทบจากประกาศฯ คือ
ผู๎ประกอบการสนามกอล์ฟ ซึ่งปรากฏวําประกาศดังกลําวใช๎กับผู๎ประกอบการทุกราย นอกจากนี้ในแงํ
ผู๎ใช๎บริการนั้นไมํวําผู๎ใช๎บริการที่มีฐานะเศรษฐกิจอยํางไร หากประสงค์ใช๎บริการสนามกอลฟ์แล๎วก็จะตกอยูํ
ภายใต๎ภาระภาษีเชํนเดียวกัน จึงไมํเป็นการเลือกปฏิบัติ
อยํางไรก็ตาม มีข๎อนําพิจารณาวํา หากพิจารณาภายใต๎หลักการเลือกปฏิบัติโดยอ๎อม อาจพิจารณา
ได๎วํา กฎเกณฑ์นี้แม๎ใช๎กับผู๎ประกอบการและผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟทุกคน แตํสํงผลในทางปฏิบัติให๎ผู๎
ประสงค์ใช๎สนามกอล์ฟซึ่งมีรายได๎น๎อย เสียเปรียบผู๎ใช๎สนามกอล์ฟที่มีรายได๎มากกวําหรือไมํ จะเห็นได๎วํา
มุมมองของภาครัฐอยูํบนสมมุติฐานที่วํา ผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเป็นผู๎มีรายได๎สูง ดังจะเห็นได๎จากหนังสือ
ของผู๎ถูกฟูองคดีที่ให๎เหตุผลวํา “ผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟสํวนใหญํเป็นผู๎มีฐานะทางการเงินดี” สมมุติฐาน