Page 234 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 234

210


                   แตกตํางของเวลาที่ใช๎ในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ลูกจ๎างที่ทํางานแบบไมํเต็มเวลา (Part-Time Employees) จะ
                   ได๎รับเงินหลังเกษียณน๎อยกวําลูกจ๎างที่ทํางานแบบเต็มเวลา (Full-Time  Employees)  ซึ่งเมื่อพิจารณา

                   ชํวงเวลาของการให๎บริการ (Length  of  Service) แล๎วนั้นลูกจ๎างที่ทํางานแบบไมํเต็มเวลา (Part-Time
                   Employees) ยํอมได๎รับเงินน๎อยกวําลูกจ๎างที่ทํางานแบบเต็มเวลา (Full-Time  Employees) โดยเกณฑ์
                   กลางของการคํานวณเงินหลังเกษียณนี้มีผลให๎ใช๎กับลูกจ๎างชั่วคราวทั้งหมด แม๎วําประมาณ 80% ของลูกจ๎าง
                   ที่ทํางานแบบไมํเต็มเวลา (Part-Time Employees) จะเป็นผู๎หญิงแตํผลกระทบที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติของ

                   เกณฑ์คํานวณนี้ก็ทําให๎เกิดความไมํเหมาะสมในสัดสํวนที่เป็นเชิงลบตํอผู๎หญิงเมื่อเทียบกับผู๎ชาย

                           ในคดี D.H. and Others v. the Czech Republic Case ได๎มีการใช๎ชุดทดสอบในการวัดระดับ

                   สติปัญญาและความเหมาะสมของนักเรียนเพื่อที่ใช๎ในการพิจารณาวําผู๎ทดสอบต๎องออกจากการศึกษาหลัก
                                          102
                   เพื่อไปอยูํในโรงเรียนพิเศษ  ซึ่งโรงเรียนพิเศษเหลํานี้ได๎ถูกออกแบบโดยเฉพาะสําหรับนักเรียนที่มีความ
                   ทุพพลภาพด๎านสติปัญญา (Intellectual  Disabilities)  และมีความลําบากในการเรียนรู๎ (Learning
                   Difficulty) โดยการทดสอบเดียวกันนี้ได๎ถูกนําไปใช๎กับนักเรียนทั้งหมดผู๎ซึ่งถูกพิจารณาวําควรจะต๎องไปอยูํ

                   โรงเรียนพิเศษ อยํางไรก็ตามในความจริงแล๎วปรากฏข๎อเท็จจริงวํา การทดสอบได๎ถูกออกแบบเพื่อใช๎ทั่วๆไป
                   ในกลุํมสังคมที่มีประชากรบางเชื้อชาติอาศัยอยูํเป็นสํวนใหญํ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตามมาคือนักเรียนบางเชื้อชาติ
                   ซึ่งคือชาวโรมา (Roma)  มีแนวโน๎มที่จะทําผลทดสอบออกมาได๎ไมํดี (ซึ่งเป็นข๎อเท็จจริงที่พวกเขาได๎ทํา)
                   โดยประมาณ 50%  ถึง 90%  ของเด็กชาวโรมา (Roma)  ถูกให๎ไปศึกษานอกระบบการศึกษาหลัก ทั้งนี้

                   ECtHR ได๎พบวําในกรณีนี้เป็นกรณีของการเลือกปฏิบัติทางอ๎อม (Indirect Discrimination) โดยอธิบายวํา
                   “มาตรการซึ่งสํงผลให๎เกิดการเสียเปรียบอยํางไมํได๎สัดสํวน”  (Disproportionately  Prejudicial  Effect)
                   ตํอบุคคลบางกลุํมนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติโดยอ๎อมแม๎วําจะไมํมีเจตนาเลือกปฏิบัติ (Discriminatory Intent)

                   ก็ตาม”

                           ดังนั้นจะเห็นได๎วํา ตามกฎหมายสหภาพยุโรปครอบคลุมการเลือกปฏิบัติโดยอ๎อม ซึ่งปรากฏในกรณี

                   ที่กฎเกณฑ์ มาตรการ หรือการกระทําที่พิพาทนั้น โดยสภาพหรือเนื้อหาทั่วไปมิได๎เลือกปฏิบัติตํอกลุํมใด แตํ
                   เมื่อพิจารณาถึงผลหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกฎเกณฑ์ มาตรการ หรือการกระทําเหลํานั้น โดยอาจเห็นได๎
                   จากข๎อมูลสถิติ แล๎วพบวําทําให๎บุคคลบางกลุํมเสียเปรียบ ดังที่ในคําตัดสินเรียกวํา “สํงผลให๎เกิดการ
                   เสียเปรียบอยํางไมํได๎สัดสํวน” (Disproportionately Prejudicial Effect)” ก็ถือได๎วําเป็นการเลือกปฏิบัติ
                   โดยอ๎อมหรือการเลือกปฏิบัติโดยพฤตินัย (De Facto Discrimination)














                   102
                      ECtHR, D.H. and Others v. the Czech Republic [GC] (No. 57325/00), 13 November 2007, para. 79.
   229   230   231   232   233   234   235   236   237   238   239