Page 226 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 226
202
“… โดยที่ระบบการศึกษาของสถาบันการศึกษาของรัฐหรือเอกชนในประเทศไทย ไมํได๎มีการ
จัดแยกหลักสูตรระหวํางหลักสูตรปริญญาตรีเกียรตินิยมกับหลักสูตรปริญญาตรีธรรมดา กลําวคือ ผู๎ที่สําเร็จ
การศึกษาปริญญาตรีเกียรตินิยมหรือสําเร็จการศึกษาปริญญาตรีแตํไมํได๎รับเกียรตินิยมจะต๎องผําน
การศึกษาในวิชาการตํางๆ ที่สถาบันการศึกษากําหนด และผํานการทดสอบและรับรองวําได๎สําเร็จ
การศึกษาเลําเรียนมาครบถ๎วนตามหลักสูตรที่กําหนดไว๎ และจะต๎องได๎รับคะแนนไมํต่ํากวํามาตรฐานที่
สถาบันการศึกษานั้นๆ กําหนดเหมือนๆ กัน เพียงแตํผู๎ที่มีคะแนนสูงในระดับหนึ่งและผํานเงื่อนไขที่
สถาบันการศึกษาแตํละแหํงกําหนด เชํน ไมํเคยสอบตกในวิชาใดวิชาหนึ่ง เป็นต๎น ก็จะได๎รับการยกยํองด๎วย
การให๎เกียรตินิยมแตํยังคงถือวําบุคคลดังกลําวมีความรู๎หรือมีวุฒิในสาขาวิชาการที่สําเร็จมาเชํนเดียวกับ
บุคคลที่ไมํได๎รับเกียรตินิยม จึงถือวําผู๎ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ยํอมมีศักดิ์ และสิทธิ
เสมอกัน ไมํวําจะได๎รับปริญญาเกียรตินิยมหรือไมํได๎รับเกียรตินิยมก็ตาม ทั้งบุคคลที่ไมํได๎รับเกียรตินิยมก็
สามารถปฏิบัติหน๎าที่ราชการได๎เชํนเดียวกับผู๎ได๎รับเกียรตินิยม …. ดังนั้น มติของผู๎ถูกฟูองคดีที่กําหนดให๎ผู๎
ได๎รับปริญญาตรีเกียรตินิยมโดยถือวําเป็นวุฒิที่ใช๎ในการคัดเลือก จึงเป็นการให๎สิทธิเหนือกวําหรือดีกวําผู๎ที่
ได๎รับปริญญาตรีในสาขาเดียวกันแตํไมํได๎รับเกียรตินิยม ทั้งๆ ที่ได๎รับวุฒิอยํางเดียวกัน ซึ่งมีศักดิ์และสิทธิที่
สถาบันการศึกษารับรองเชํนเดียวกัน มติดังกลําวจึงเป็นการปฏิบัติตํอบุคคลที่มีสถานะทางกฎหมายที่
เหมือนกันให๎แตกตํางกัน ยํอมถือได๎วําเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม” (คําพิพากษาศาลปกครอง
สูงสุดที่ อ.158/2550) เชํนเดียวกับ คําพิพากษาที่ตัดสินวํา “การกําหนดให๎ผู๎ได๎รับปริญญาตรีเกียรตินิยมทุก
สาขาถือเป็นเหตุพิเศษที่จะให๎ได๎รับสิทธิคัดเลือกแทนการสอบแขํงขันนั้น เห็นวํา เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํ
เป็นธรรม” (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.379/2550)
จากแนวคําพิพากษาคดีดังกลําว เมื่อนํามาพิจารณากรณีข๎อเท็จจริงที่มีปัญหาวํา การรับสมัครงาน
โดยรับเฉพาะผู๎จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาบางแหํงเทํานั้นเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไมํ ทั้งนี้เพราะ
จากกรณีดังกลําว ผู๎จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาอื่นในสาขาและคุณวุฒิที่เหมือนกันไมํสามารถสมัคร
ได๎ หากเทียบเคียงกับคําพิพากษาข๎างต๎นจะเห็นได๎วํา กรณีเชํนนี้ก็เป็นการปฏิบัติที่แตกตํางกันตํอบุคคลที่
“เหมือนกัน” เนื่องจากมีคุณวุฒิเชํนเดียวกันไมํวําจะจบการศึกษาจากสถาบันใด
การเปรียบเทียบผู๎ถูกเลือกปฏิบัติจะต๎องพิจารณาความแตกตํางในรายละเอียดด๎วย เชํน การปฏิบัติ
ตํอผู๎ที่จบการศึกษาจากประเทศหนึ่งในลักษณะด๎อยกวําอีกประเทศหนึ่ง โดยทั่วไปแล๎วเป็นการปฏิบัติที่
แตกตํางกัน แตํหากการปฏิบัติที่แตกตํางดังกลําวนั้นมิได๎เกิดจากเหตุแหํงการเลือกปฏิบัติ โดยข๎อเท็จจริง
แสดงวํามีเหตุหรือปัจจัยอื่นเข๎ามาประกอบทําให๎เกิดความแตกตําง กรณีนั้นก็จะไมํเป็นการเลือกปฏิบัติ เชํน
คดีที่มีประเด็นเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์ในการรับรองคุณวุฒิกําหนดเงินเดือนและระดับให๎แกํผู๎มีคุณวุฒิจาก
ตํางประเทศ สํงผลให๎ผู๎จบการศึกษาจากประเทศอินเดียได๎รับอัตราเงินเดือนต่ํากวําผู๎จบการศึกษาด๎วย
คุณวุฒิเดียวกันจากประเทศอื่น กรณีนี้อาจเป็นการเลือกปฏิบัติด๎วยเหตุเชื้อชาติ ถิ่นกําเนิด ฯลฯ อยํางไรก็
ตาม มีข๎อเท็จจริงเพิ่มเติมวํา หลักเกณฑ์ดังกลําวมิได๎มุํงใช๎กับผู๎จบการศึกษาจากประเทศใดโดยเฉพาะ แตํ
เป็นการวางหลักเกณฑ์จากระยะเวลาการศึกษา กลําวคือไมํวําผู๎จบการศึกษานั้นจะจบจากประเทศใด ก็อยูํ
ภายใต๎หลักเกณฑ์ที่พิจารณาจากระยะเวลาด๎วยกันทั้งสิ้น คดีนี้ ศาลเห็นวํา ผู๎ฟูองคดีสําเร็จการศึกษาระดับ
ปริญญาโทในประเทศอินเดีย ซึ่งใช๎เวลาในการศึกษาน๎อยกวําผู๎ที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทในประเทศ