Page 211 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 211
187
ผู๎ฟูองคดีเป็นผู๎ครอบครองและท าประโยชน์ในที่ดินซึ่งไมํมีหนังสือส าคัญหรือเอกสารสิทธิในเขตปุา
สงวนแหํงชาติกุยบุรีโดยที่ดินแปลงดังกลําวอยูํในเขตพื้นที่อํางเก็บน้ ายางชุมซึ่งกรมชลประทาน (ผู๎ถูกฟูอง
คดีที่ 1) ได๎เริ่มสร๎างตั้งแตํปี พ.ศ. 2516 และเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2523 และในการใช๎พื้นที่กํอสร๎างอํางเก็บน้ า
ดังกลําวผู๎ถูกฟูองคดีที่ 1 ได๎จํายเงินคําทดแทนให๎แกํเจ๎าของหรือผู๎ครอบครองทรัพย์สินตํางๆทุกรายแล๎วโดย
คําทดแทนที่ดินได๎จํายให๎แกํเจ๎าของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิสํวนคํารื้อย๎ายบ๎านเรือนสิ่งปลูกสร๎างคําทดแทน
ต๎นไม๎จํายให๎ทั้งที่ปลูกในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิและไมํมีเอกสารสิทธิตํอมาผู๎ถูกฟูองคดีที่ 1 ได๎เริ่มด าเนินการ
ส ารวจปักหลักเขตเพื่อก าหนดพื้นที่ในการกํอสร๎างโครงการปรับปรุงอํางเก็บน้ ายางชุมเพิ่มเติมปรากฏวํา
ต๎นไม๎และบํอน้ าของผู๎ฟูองคดีซึ่งอยูํในที่ดินของผู๎ฟูองคดีอันเป็นที่ดินที่ไมํมีเอกสารสิทธิถูกน้ าทํวม
คณะกรรมการจัดซื้อและก าหนดคําทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ผู๎ถูกฟูอง
คดีที่ 2) จึงได๎พิจารณาจํายคําทดแทนให๎แกํผู๎ที่อยูํในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งทับ
ซ๎อนอยูํในเขตพื้นที่ดังกลําวเทํานั้นโดยไมํพิจารณาจํายคําทดแทนต๎นไม๎ของผู๎ฟูองคดีที่อยูํในเขตชลประทาน
เดิมผู๎ฟูองคดีเห็นวําการที่ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2 ให๎จํายคําทดแทนให๎แกํผู๎ที่อยูํในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งทับซ๎อนอยูํในพื้นที่อํางเก็บน้ ายางชุมเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไมํเสมอภาคตาม
รัฐธรรมนูญระหวํางผู๎ฟูองคดีและบุคคลดังกลําว
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู๎ฟูองคดีเข๎าครอบครองที่ดินในพื้นที่เขตชลประทานโดยไมํมีสิทธิ
ตามกฎหมายกรณีจึงไมํอาจเปรียบเทียบกับบุคคลผู๎มีสิทธิดังกลําวซึ่งกฎหมายรับรองได๎การที่ได๎รับการ
ปฏิบัติจากทางราชการจึงยํอมแตกตํางกันกรณีจึงไมํขัดตํอรัฐธรรมนูญดังนั้นการที่ผู๎ถูกฟูองคดีทั้งสองไมํ
พิจารณาจํายคําทดแทนต๎นไม๎และบํอน้ าให๎แกํผู๎ฟูองคดีจึงชอบด๎วยกฎหมายแล๎ว
30) การที่บุคคลใดจะอ้างหลักแห่งความเสมอภาคเพื่อเรียกร้องให้ปฏิบัติต่อตนเป็นอย่าง
เดียวกันนั้นย่อมท าได้เฉพาะเพื่อเรียกร้องให้ปฏิบัติในสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ผู้ที่กระท าการโดย
ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่อาจอ้างในท านองที่ว่าถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อตนได้ (ค าพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดที่ อ.160-อ.197/2551)
นายชํางแขวงการทางสมุทรปราการ (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2) ซึ่งได๎รับมอบหมายจากผู๎อ านวยการทาง
หลวงแผํนดิน (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 3) ได๎มีค าสั่งแจ๎งให๎ผู๎ที่บุกรุกปลูกสร๎างบ๎านพักอาศัยและร๎านค๎ารุกล้ าทาง
หลวงแผํนดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) อันอยูํในความดูแลรับผิดชอบของหมวดการทางสมุทรปราการ
สังกัดแขวงการทางสมุทรปราการจ านวน 30 ราย รวมทั้งผู๎ฟูองคดีทั้งสิบเก๎าคนรื้อถอนหรือท าลายบ๎านพัก
อาศัยออกจากเขตทางหลวงภายใน 7 วัน นับแตํวันที่ได๎รับหนังสือผู๎ฟูองคดีได๎อุทธรณ์ค าสั่งให๎รื้อถอนหรือ
ท าลายบ๎านพักอาศัยตํอผู๎ออกค าสั่งแล๎วซึ่งผู๎ฟูองคดีเห็นวําที่ดินดังกลําวเป็นที่ดินรกร๎างวํางเปลําและได๎เข๎า
มาอยูํอาศัยนานกวํา 10 ปี แล๎วอยูํนอกเขตทางหลวงและเป็นที่ราชพัสดุที่สามารถให๎ประชาชนเชําได๎โดย
เป็นของกรมธนารักษ์ผู๎ถูกฟูองคดีทั้งสามไมํมีอ านาจที่จะด าเนินการขับไลํประชาชนจึงฟูองขอให๎เพิกถอน
ค าสั่งที่ให๎รื้อถอนและท าลายบ๎านพักอาศัยที่สร๎างขึ้นในเขตทางหลวงโดยไมํได๎รับอนุญาต