Page 203 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 203

179


                         ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่ามาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยบัญญัติให๎บุคคล

                  ยํอมเสมอกันในกฎหมายและได๎รับความคุ๎มครองตามกฎหมายเทําเทียมกันชายและหญิงมีสิทธิเทําเทียมกัน
                  การเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอบุคคลเพราะเหตุแหํงความแตกตํางในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ ภาษา

                  เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะทางบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา

                  การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง อันขัดตํอบทบัญญัติแหํงรัฐธรรมนูญจะกระท ามิได๎ซึ่งเป็น
                  การวางหลักการให๎รัฐปฏิบัติตํอบุคคลบนพื้นฐานความเสมอภาคเทําเทียมกันทั้งนี้โดยไมํออกหลักเกณฑ์ให๎มี

                  ผลปฏิบัติที่แตกตํางกันตํอบุคคลที่เหมือนกันในสาระส าคัญอยํางเดียวกันหรือไมํออกหลักเกณฑ์ให๎มีผล

                  ปฏิบัติอยํางเดียวกันตํอบุคคลที่แตกตํางกันในสาระส าคัญซึ่งประกาศกระทรวงการคลังเรื่องก าหนดสถาน
                  บริการประเภทที่ 09.90 ในตอนที่ 9 สถานบริการตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตลงวันที่ 14 ตุลาคม 2540

                  ที่ก าหนดให๎สนามกอล์ฟทุกแหํงเสมอเหมือนกันมิได๎มีการเลือกปฏิบัติกับสนามกอล์ฟรายหนึ่งรายใด
                  โดยเฉพาะและแม๎ผู๎ประกอบการสนามกอล์ฟจะผลักภาระภาษีดังกลําวให๎ผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเป็นผู๎

                  รับภาระก็หาได๎เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอผู๎ใช๎บริการสนามกอล์ฟเพราะเหตุฐานะทางเศรษฐกิจ
                  ไมํเพราะไมํวําผู๎ใดจะใช๎บริการสนามกอล์ฟก็ต๎องแบกรับภาระภาษีดังกลําวเหมือนกันนอกจากนั้น

                  ผู๎ใช๎บริการก็ยังมีทางเลือกอยํางอื่นดังนั้นประกาศดังกลําวจึงไมํมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็น

                  ธรรม


                         22) กรณีฟ้องว่าประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้  (ฉบับที่80)  มีลักษณะเป็น

                  การเลือกปฏิบัติ (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.148/2549)
                         ผู๎ฟูองคดีเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจโดยปฏิบัติหน๎าที่ไมํน๎อยกวําห๎าปีฟูองวําการที่อธิบดี

                  กรมสรรพากร (ผู๎ถูกฟูองคดีที่ 2) ได๎ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได๎ (ฉบับที่ 80) ลง
                  วันที่ 29 มีนาคม 2543 แก๎ไขเพิ่มเติมประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได๎ (ฉบับที่ 59) และได๎

                  ก าหนดหลักเกณฑ์ข๎อ 1 (1) ใหมํดังนี้ (1) กรณีเกษียณอายุลูกจ๎างผู๎นั้นต๎องมีอายุไมํต่ ากวําห๎าสิบปีบริบูรณ์
                  และ  (ก)  เข๎าเป็นสมาชิกกองทุนส ารองเลี้ยงชีพมาแล๎วไมํน๎อยกวําห๎าปีหรือ  (ข)  เข๎าเป็นสมาชิกกองทุน

                  ส ารองเลี้ยงชีพตามกฎหมายวําด๎วยกองทุนส ารองเลี้ยงชีพในระหวํางวันที่ 13 กันยายน 2537 ถึงวันที่ 2

                  ธันวาคม 2538 และได๎ออกจากงานเพราะเกษียณอายุกํอนวันที่ 2 ธันวาคม 2543 ซึ่งมีระยะเวลาที่ท างาน
                  กับนายจ๎างนั้นกํอนเกษียณอายุไมํน๎อยกวํา 5 ปีซึ่งจากหลักเกณฑ์ดังกลําวมีเงื่อนไขและวิธีการวําเงินหรือ

                  ประโยชน์ใดๆที่ลูกจ๎างได๎รับจากกองทุนส ารองเลี้ยงชีพลูกจ๎างจะได๎รับการยกเว๎นภาษีเงินได๎จะต๎องเป็น

                  สมาชิกกองทุนส ารองเลี้ยงชีพระหวํางวันที่ 13 กันยายน 2537 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2538 และได๎ออกจาก
                  งานเพราะเกษียณอายุถ๎ามีระยะเวลาที่ท างานกับนายจ๎างนั้นกํอนเกษียณอายุไมํน๎อยกวําห๎าปีแม๎จะเป็น

                  สมาชิกไมํครบห๎าปีก็ได๎รับสิทธิประโยชน์แตํผู๎ฟูองคดีซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีอายุไมํต่ ากวําห๎าสิบปี
                  บริบูรณ์และท างานอยูํกับนายจ๎างเกินห๎าปีและได๎ออกจากงานเพราะเกษียณอายุกํอนการเป็นสมาชิก

                  กองทุนส ารองเลี้ยงชีพจะครบห๎าปีแตํวําสมัครเป็นสมาชิก หลังวันที่ 2 ธันวาคม 2538 แม๎วําจะอยูํใน
                  หลักเกณฑ์ตามข๎อ  (ข)  ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได๎  (ฉบับที่80)  ซึ่งควรจะได๎รับ
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208