Page 185 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 185
161
ประโยชน์ที่ผู๎ฟูองคดีจะพึงได๎รับจึงเป็นไปตามกฎหมายวําด๎วยบ าเหน็จบ านาญข๎าราชการ และระเบียบหรือ
หลักเกณฑ์ที่ ผู๎ถูกฟูองคดีก าหนดไว๎ส าหรับข๎าราชการต ารวจที่พ๎นจากราชการตามกฎหมายดังกลําว สํวน
ข๎าราชการต ารวจที่สมัครเข๎ารํวมโครงการปรับเปลี่ยนก าลังพล เป็นการออกจากราชการตามมาตรา 46 (3)
แหํงพระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการต ารวจ พ.ศ. 2521 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5
กันยายน 2543 ที่แจ๎งเวียนตามหนังสือส านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร. 0205/ว (ล) 11267ลงวันที่ 7
กันยายน 2543 ที่อนุมัติให๎ผู๎ถูกฟูองคดีด าเนินการตามโครงการปรับเปลี่ยนก าลังพลได๎สิทธิประโยชน์ที่ผู๎
ออกจากราชการจะพึงได๎รับในทั้งสองกรณีจึงแตกตํางกัน เพราะเป็นคนละกรณีกันอีกทั้งโครงการดังกลําวก็
เปิดโอกาสให๎แกํข๎าราชการต ารวจทุกคนที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว๎ สมัครเข๎ารํวมโครงการ
ดังกลําวได๎รวมทั้ง ผู๎ฟูองคดีด๎วย ซึ่งผู๎ฟูองคดีเลือกที่จะไมํสมัครเข๎ารํวมโครงการดังกลําว การได๎รับสิทธิ
ประโยชน์ แตกตํางกันจึงเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ของการมีโครงการดังกลําว
ดังนั้น การที่ผู๎ถูกฟูองคดีไมํเลื่อนยศพันต ารวจเอกให๎แกํผู๎ฟูองคดี เป็นกรณีพิเศษเชํนเดียวกับการเลื่อนยศ
พันต ารวจเอกเป็นกรณีพิเศษให๎แกํข๎าราชการต ารวจที่ลาออกจากราชการตามโครงการปรับเปลี่ยนก าลังพล
มิได๎เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม และมิได๎เป็นการตํอหน๎าที่ตามกฎหมายก าหนดให๎ต๎องปฏิบัติ
4) การก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาของอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ขัดต่อมาตรา 26 มาตรา 29 และมาตรา 30 ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 (ค าพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ.17/2551)
ผู๎ฟูองคดีซึ่งด ารงต าแหนํงเจ๎าหน๎าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฟูองวํารัฐมนตรีวําการ
กระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ออกกฎ ก.ค.ศ.
วําด๎วยหลักเกณฑ์และวิธีการได๎มาของอนุกรรมการผู๎ทรงคุณวุฒิและอนุกรรมการผู๎แทนข๎าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. 2548 ท าให๎ผู๎ฟูองคดีซึ่งด ารงต าแหนํง
เจ๎าหน๎าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู๎ด ารงต าแหนํงรองผู๎อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู๎
ด ารงต าแหนํงผู๎ชํวยผู๎อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนผู๎ด ารงต าแหนํงเจ๎าหน๎าที่บริหาร
การศึกษาขั้นพื้นฐาน รายอื่นที่ปฏิบัติงานในส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา จ านวน 175 เขตทั่วประเทศ ไมํมี
สิทธิได๎รับการคัดเลือกให๎เป็นอนุกรรมการผู๎ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา กับไมํมีสิทธิเลือกตั้ง
และไมํมีสิทธิเข๎ารับการเลือกตั้งเป็นอนุกรรมการผู๎แทนข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.
ศ. เขตพื้นที่การศึกษา การออกกฎ ก.ค.ศ. ดังกลําวจึงเป็นการกระท าที่ไมํค านึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
จ ากัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขัดตํอหลักความเสมอภาคและเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรม ตามมาตรา 26
มาตรา 29 และมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 นอกจากนั้น ยังเป็น
การไมํปฏิบัติหรือละเลยหลักการบริหารบุคคลตามมาตรา 29 แหํงพระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 จึงน าคดีมาฟูองตํอศาลปกครองสูงสุดเพื่อ ขอให๎มีค าพิพากษาหรือ
ค าสั่งให๎เพิกถอนกฎ ก.ค.ศ.วําด๎วยหลักเกณฑ์และวิธีการได๎มาของอนุกรรมการผู๎ทรงคุณวุฒิและ
อนุกรรมการผู๎แทนข๎าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. 2548