Page 181 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 181

157


                         18) ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19-20/2556

                         ประเด็นเกี่ยวกับหลักความเทําเทียมกันและการเลือกปฏิบัติที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคดีนี้คือ
                  พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5 ขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญ มาตรา 39 วรรคสอง มาตรา 40

                  (5) และมาตรา 30 หรือไมํ

                         ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎วเห็นวํา พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5 เป็นข๎อ
                  สันนิษฐานตามกฎหมายที่มีผลเป็นการสันนิษฐานความผิดทางอาญาของจ าเลย โดยโจทก์ไมํจ าต๎องพิสูจน์

                  ให๎เห็นถึงการกระท าหรือเจตนาอยํางใดอยํางหนึ่งของจ าเลยซึ่งเป็นกรรมการผู๎จัดการหุ๎นสํวนผู๎จัดการ

                  ผู๎แทนนิติบุคคล หรือผู๎ซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลนั้นวํามีสํวนรํวมเกี่ยวข๎องกับการกระท า
                  ความผิดของนิติบุคคลแตํอยํางใดกํอน เป็นการน าการกระท าความผิดของบุคคลอื่นมาเป็นเงื่อนไขของการ

                  สันนิษฐานให๎จ าเลยมีความผิดและต๎องรับโทษทางอาญา โจทก์คงพิสูจน์เพียงวํานิติบุคคลกระท าความผิด
                  ตามพระราชบัญญัตินี้และจ าเลยเป็นกรรมการผู๎จัดการ หุ๎นสํวนผู๎จัดการผู๎แทนนิติบุคคล หรือผู๎ซึ่ง

                  รับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลดังกลําวเทํานั้น ซึ่งไมํเกี่ยวกับการกระท าของกรรมการผู๎จัดการ
                  หุ๎นสํวนผู๎จัดการ ผู๎แทนนิติบุคคล หรือผู๎ซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลที่กระท าความผิดแตํ

                  อยํางใด กรณีจึงเป็นการสันนิษฐานไว๎แตํแรกแล๎ววํากรรมการผู๎จัดการ หุ๎นสํวนผู๎จัดการ ผู๎แทนนิติบุคคล

                  หรือผู๎ซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลนั้นได๎กระท าความผิดรํวมกับนิติบุคคลด๎วย อันมีผลเป็น
                  การผลักภาระการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไปยังกรรมการผู๎จัดการ หุ๎นสํวนผู๎จัดการ ผู๎แทนนิติบุคคล หรือผู๎ซึ่ง

                  รับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลนั้นทั้งหมดทุกคน ประกอบกับหลักพื้นฐานวําด๎วยความรับผิดทาง

                  อาญานั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 บัญญัติวํา “บุคคลจะต๎องรับผิดในทางอาญาก็ตํอเมื่อได๎
                  กระท า ...”  ดังนั้น บุคคลไมํวําบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลจะมีความรับผิดในทางอาญาก็ตํอเมื่อมีการ

                  กระท าแตํพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5 บัญญัติให๎กรรมการผู๎จัดการ หุ๎นสํวนผู๎จัดการผู๎แทน
                  นิติบุคคล หรือผู๎ซึ่งรับผิดชอบในการด าเนินการของนิติบุคคลจะต๎องรํวมรับผิดกับนิติบุคคลที่เป็นผู๎กระท า

                  ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ โดยโจทก์ไมํต๎องพิสูจน์ให๎เห็นวําบุคคลเหลํานั้นซึ่งเป็นจ าเลยได๎มีการกระท า
                  หรืองดเว๎น หรือไมํกระท าการอันเป็นความผิดตามกฎหมายแตํอยํางใดกํอน

                         บทบัญญัติมาตราดังกลําวจึงเป็นการสันนิษฐานความผิดของผู๎ต๎องหาหรือจ าเลยในคดีอาญา โดย

                  อาศัยสถานะของบุคคลเป็นเงื่อนไข มิใชํการสันนิษฐานข๎อเท็จจริงที่เป็นองค์ประกอบความผิดเพียงบางข๎อ
                  หลังจากที่โจทก์ได๎พิสูจน์ให๎เห็นถึงการกระท าอยํางใดอยํางหนึ่งที่เกี่ยวข๎องกับความผิดที่จ าเลยถูกกลําวหา

                  และยังขัดกับหลักนิติธรรมที่วําโจทก์ในคดีอาญาต๎องมีภาระการพิสูจน์ถึงการกระท าความผิดของจ าเลยให๎

                  ครบองค์ประกอบของความผิด นอกจากนี้ บทบัญญัติมาตราดังกลําวยังเป็นการน าบุคคลเข๎าสูํกระบวนการ
                  ด าเนินคดีอาญาให๎ต๎องตกเป็นผู๎ต๎องหาหรือจ าเลย ซึ่งท าให๎บุคคลดังกลําวอาจถูกจ ากัดสิทธิและเสรีภาพเชํน

                  การถูกจับกุม หรือถูกคุมขัง โดยไมํมีพยานหลักฐานตามสมควรในเบื้องต๎นวําบุคคลนั้นได๎กระท าการหรือมี
                  เจตนาประการใดอันเกี่ยวกับความผิดตามที่ถูกกลําวหา พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 มาตรา 72/5 ใน

                  สํวนที่สันนิษฐานความผิดอาญาของผู๎ต๎องหาหรือจ าเลยโดยไมํปรากฏวําผู๎ต๎องหาหรือจ าเลยได๎กระท าการ
   176   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186