Page 180 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 180

156


                  บทบัญญัติแหํงกฎหมายที่กระทบตํอสิทธิมนุษยชน และมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด๎วยรัฐธรรมนูญ มาตรา

                  30 หรือไมํ
                         ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวํา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวําด๎วยการปูองกันและปราบปราม

                  การทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ใช๎บังคับกับข๎าราชการตุลาการหรือข๎าราชการ

                  อัยการ โดยหลักเกณฑ์นี้แม๎จะมีความแตกตํางจากเจ๎าหน๎าที่ของรัฐตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แตํก็เป็น
                  บทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์เพื่อให๎การด าเนินการทางวินัยซึ่งเป็นสํวนหนึ่งของการบริหารงานบุคคลของ

                  ข๎าราชการตุลาการและข๎าราชการอัยการ มีความเป็นอิสระตามลักษณะของภารกิจซึ่งมีความจ าเป็นและ

                  เพื่อให๎เกิดความเหมาะสม กลําวคือ เพื่อให๎ข๎าราชการตุลาการสามารถพิจารณาพิพากษาอรรถคดีอยํางมี
                  อิสระ และสอดคล๎องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 220 และมาตรา 224 ที่ได๎บัญญัติให๎การลงโทษผู๎พิพากษาใน

                  ศาลยุติธรรมและตุลาการในศาลปกครองต๎องได๎รับความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม
                  หรือคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง แล๎วแตํกรณี อันเป็นการรับรองหลักประกันความเป็นอิสระของผู๎

                  พิพากษาและตุลาการไว๎ และเพื่อให๎ข๎าราชการอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน๎าที่ให๎
                  เป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามที่บัญญัติไว๎ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 อีกทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

                  วําด๎วยการปูองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 97 ได๎บัญญัติความเป็นอิสระในการ

                  พิจารณา ด าเนินคดีอาญาระหวํางอัยการสูงสุดกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว๎ในกรณีที่ข๎อกลําวหาใดที่
                  คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวําเป็นความผิดทางอาญา ให๎ถือวํารายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น

                  ส านวนการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งหากอัยการสูงสุดเห็นวํารายงาน

                  เอกสารและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไมํสมบูรณ์พอที่จะด าเนินคดีได๎ ให๎คณะกรรมการ
                  ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดตั้งคณะท างานขึ้นเพื่อด าเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให๎สมบูรณ์แล๎วสํงให๎อัยการ

                  สูงสุดเพื่อฟูองคดีตํอไป
                         ด๎วยเหตุนี้การด าเนินการทางวินัยกับข๎าราชการอัยการตามมาตรา 92 วรรคสอง หากบัญญัติให๎ถือ

                  วํารายงาน เอกสารและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นส านวนการสอบสวนทางวินัยของ
                  ข๎าราชการอัยการ ยํอมอาจท าให๎การใช๎ดุลพินิจของพนักงานอัยการในการสั่งคดีอาญาดังกลําวขาดความ

                  เป็นอิสระ โดยเฉพาะการพิจารณาข๎อกลําวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวํามีความผิดทางอาญาตาม

                  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวําด๎วยการปูองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 97
                  และอาจท าให๎การตรวจสอบและถํวงดุลระหวํางพนักงานอัยการและคณะกรรมการ ป.ป.ช. สูญเสียไปด๎วย

                  ดังนั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวําด๎วยการปูองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา

                  92 วรรคสอง จึงเป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์เพื่อให๎การด าเนินการทางวินัยซึ่งเป็นสํวนหนึ่งของการ
                  บริหารงานบุคคลของข๎าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ข๎าราชการตุลาการศาลปกครอง และข๎าราชการ

                  อัยการมีความเป็นอิสระตามลักษณะของภารกิจดังที่บัญญัติไว๎ในรัฐธรรมนูญซึ่งไมํมีลักษณะขัดตํอหลัก
                  ความเสมอภาคหรือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 แตํอยํางใด
   175   176   177   178   179   180   181   182   183   184   185