Page 172 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 172

148


                  เกี่ยวข๎องโดยการจัดตั้งกองทุนเพื่อชํวยเหลือกรณีคลอดบุตรด๎วยจึงเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อการที่

                  รัฐธรรมนูญก าหนดไว๎และเทําที่จ าเป็นและการก าหนดระยะเวลายื่นค าร๎องขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน
                  หนึ่งปีก็มีผลใช๎บังคับกับลูกจ๎างทุกคนซึ่งหากลูกจ๎างผู๎ประกันตนคนใดมีเหตุจ าเป็นจนไมํสามารถจะปฏิบัติ

                  ตามก าหนดเวลานั้นได๎ก็อาจยื่นค าร๎องกํอนสิ้นก าหนดเวลานั้นเพื่อขอขยายหรือเลื่อนก าหนดเวลาออกไปได๎

                  ตามกรณีแหํงความจ าเป็นแกํกรณี  เงื่อนไขดังกลําวไมํกระทบกระเทือนสาระส าคัญแหํงสิทธิ และเสรีภาพ
                  ของบุคคลและมีผลใช๎บังคับเป็นการทั่วไปมิได๎มุํงหมายให๎ใช๎บังคับแกํกรณีใดกรณีหนึ่งหรือแกํบุคคลใด

                  บุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจงและไมํถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 29  และ

                  30


                         8) ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 41/2547
                         ผู๎ร๎องอ๎างวํา ประมวลรัษฏากร มาตรา 121 ให๎สิทธิและยกเว๎นแกํโจทก์ซึ่งเป็นหนํวยงานของรัฐไมํ

                  ต๎องปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอ านาจแตํในขณะเดียวกันฝุายผู๎ร๎องต๎องปิดอากรแสตมป์หากไมํปิดไมํ
                  สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได๎เป็นบทบัญญัติที่เป็นการแบํงชั้นวรรณะกํอให๎เกิดความไมํเทําเทียมกัน

                  ในกฎหมาย จึงขัดตํอรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกามีค าสั่งให๎สํงความเห็นของผู๎ร๎องตามทางการเพื่อศาลรัฐธรรมนูญ

                  พิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎วเห็นวํา ประมวลรัษฎากร มาตรา 121 เป็นเรื่องการเสียอากร โดย
                  ปกติการที่กฎหมายบัญญัติให๎ต๎องมีการเสียอากรก็เพื่อให๎เป็นรายได๎ให๎แกํรัฐ เป็นเงินได๎ของรัฐที่เก็บเอาจาก

                  ประชาชนเพื่อน าไปใช๎จํายเป็นเงินงบประมาณแผํนดินมีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บจากประชาชนที่จะได๎รับ

                  บริการจากรัฐไมํได๎มีวัตถุประสงค์ที่จะเก็บจากรัฐเอง การที่มาตรา 121 บัญญัติวําถ๎าฝุายที่ต๎องเสียอากรเป็น
                  รัฐบาลเจ๎าพนักงานของรัฐที่กระท างานของรัฐบาลโดยหน๎าที่หรือบุคคลผู๎กระท าการในนามของรัฐบาลไมํ

                  ต๎องเสียอากรแสตมป์จึงชอบด๎วยวัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกลําวแล๎วไมํได๎เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็น
                  ธรรมตํอบุคคลทั่วไป และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69  ก็ได๎บัญญัติให๎บุคคลมีหน๎าที่เสียภาษีอากร ตามที่

                  กฎหมายบัญญัติการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร มาตรา 121  ก็เป็นภาษีอากรอยํางหนึ่งการที่
                  ประมวลรัษฎากร มาตรา 121 บัญญัติยกเว๎นให๎โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลโดยเป็นกระทรวงในรัฐบาลไมํต๎องปิด

                  อากรแสตมป์ในหนังสือมอบอ านาจ แตํผู๎ร๎องต๎องปิดอากรแสตมป์จึงจะสามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได๎

                  อาจเป็นการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลกํอให๎เกิดความไมํเทําเทียมกันตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 29
                  และ 30 นั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคหนึ่งก็ได๎บัญญัติยกเว๎นโดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแหํง

                  กฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญก าหนดไว๎และเทําที่จ าเป็นและที่ไมํกระทบกระเทือนสาระส าคัญแหํง

                  สิทธิและเสรีภาพด๎วยเหตุผลดังกลําว ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยวํา ประมวลรัษฎากร มาตรา 121  ไมํขัด
                  หรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ประกอบมาตรา 29


                         9) ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 41/2548

                         มีประเด็นวํา พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 45 ขัดหรือแย๎งกับ
                  รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 และ 30 เนื่องจากบัญญัติให๎ผู๎รับโอนต๎องรับผิดในฐานะลูกหนี้รํวมกับผู๎โอนในภาษีที่
   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177