Page 169 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 169
145
ไมํสมประกอบ หรือมีกายหรือจิตใจไมํเหมาะสมที่จะเป็นข๎าราชการอัยการ หรือเป็นโรคที่ระบุ ไว๎ใน
กฎกระทรวง และ (12) เป็นผู๎ที่คณะกรรมการแพทย์มีจ านวนไมํน๎อยกวําสามคนซึ่ง ก.อ. จะได๎ ก าหนด ได๎
ตรวจรํางกายและจิตใจแล๎ว และ ก.อ. ได๎พิจารณารายงานของแพทย์เห็นวําสมควรรับสมัครได๎ และวรรค
สอง บัญญัติวํา "ให๎ ก.อ. มีอ านาจวางระเบียบเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู๎สมัครสอบคัดเลือก กํอนที่จะ
รับสมัครได๎"
พิจารณาแล๎ว เห็นวํา รัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ได๎บัญญัติเป็นหลักการวํา บุคคลยํอม เสมอกันใน
กฎหมาย และได๎รับความคุ๎มครองตามกฎหมายเทําเทียมกัน ไมํวําชายหรือหญิงมีสิทธิเทําเทียมกัน จะเลือก
ปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอบุคคลเพราะเหตุแหํงความแตกตําง ในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ
สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อ ทางศาสนา
การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไมํขัดตํอบทบัญญัติแหํงรัฐธรรมนูญจะกระท ามิได๎ แตํ
ต๎องยอมรับวํา ในการที่หนํวยงานใดจะรับบุคคลเข๎าท าหน๎าที่ในต าแหนํงใด ยํอมต๎องพิจารณาถึงความรู๎
ความสามารถ ความเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน๎าที่นั้นด๎วย
ส าหรับกรณีตามค าร๎อง เป็นเรื่องที่นาย ศ ซึ่งมีอาชีพทนายความ สมัครสอบคัดเลือกบรรจุเป็น
ข๎าราชการอัยการ และแตํงตั้งให๎ด ารงต าแหนํงอัยการผู๎ชํวย หากสอบคัดเลือกได๎ก็จะมีการขอให๎มีพระบรม
ราชโองการโปรดเกล๎าฯ แตํงตั้งเป็นข๎าราชการอัยการตํอไป ซึ่งการรับสมัครสอบคัดเลือกนอกจากจะ
พิจารณาถึง ความรู๎ ความสามารถแล๎ว ยังต๎องพิจารณาสุขภาพของรํางกายและจิตใจวํามีความสมบูรณ์
สามารถปฏิบัติหน๎าที่ได๎ และมีบุคลิกลักษณะที่ดีพอที่จะเป็นข๎าราชการอัยการ การปฏิบัติหน๎าที่ของ
ข๎าราชการอัยการมิใชํเพียงปฏิบัติหน๎าที่ในห๎องพิจารณาคดีหรือในส านักงานเทํานั้น บางครั้งต๎องเดินทางไป
ปฏิบัติหน๎าที่นอกส านักงาน เชํน เพื่อเดินเผชิญสืบ เพื่อสืบพยานที่ไมํอาจมาศาลได๎ การรํวมชันสูตรพลิกศพ
กับพนักงานสอบสวน การออกไปเผยแพรํความรู๎ทางกฎหมายแกํประชาชนในชนบท เป็นต๎น
การพิจารณาเพื่อรับสมัครสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข๎าราชการอัยการ และแตํงตั้งให๎ด ารง
ต าแหนํงอัยการผู๎ชํวย จึงมีมาตรการที่แตกตําง และเข๎มงวดกวําการคัดเลือกบุคคลไปด ารงต าแหนํงอื่นอยูํ
บ๎าง ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง บัญญัติเป็นข๎อยกเว๎นไว๎วํา การจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ที่รัฐธรรมนูญ รับรองไว๎จะกระท ามิได๎ เว๎นแตํโดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแหํงกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่
รัฐธรรมนูญ นี้ก าหนดไว๎และเทําที่จ าเป็นเทํานั้น และจะกระทบกระเทือนสาระส าคัญแหํงสิทธิและเสรีภาพ
นั้นมิได๎ และวรรคสอง บัญญัติรับรองไว๎วํา กฎหมายตามวรรคหนึ่งต๎องมีผลใช๎บังคับเป็นการทั่วไปและไมํมุํง
หมาย ให๎ใช๎บังคับแกํกรณีใดกรณีหนึ่งหรือแกํบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ทั้งต๎องระบุบทบัญญัติ
แหํงรัฐธรรมนูญ ที่ให๎อ านาจในการตรากฎหมายนั้นด๎วย ซึ่งบทบัญญัติวรรคหนึ่งและวรรคสองให๎น ามาใช๎
บังคับกับกฎหรือข๎อบังคับที่ออกโดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแหํงกฎหมายด๎วย โดยอนุโลม
เมื่อพิจารณาถึงพระราชบัญญัติ ระเบียบข๎าราชการฝุายอัยการ พ.ศ. 2521 มาตรา 33 (11) ค าวํา
"มีกาย...ไมํเหมาะสมที่จะเป็นข๎าราชการอัยการ" จะใช๎ควบคูํกับ มาตรา 33 (12) ที่บัญญัติวํา "เป็นผู๎ที่
คณะกรรมการแพทย์มีจ านวนไมํน๎อยกวําสามคน ซึ่ง ก.อ. จะได๎ก าหนด ได๎ตรวจรํางกายและจิตใจแล๎ว และ
ก.อ. ได๎พิจารณารายงานของแพทย์เห็นวําสมควรรับสมัครได๎" บทบัญญัติของพระราชบัญญัติ ระเบียบ