Page 171 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 171

147


                  วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวํา เป็นกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีของรัฐ มีผลใช๎ บังคับ

                  กับสามีและภริยาทั้งหมดที่มีเงินได๎พึงประเมิน เป็นการทั่วไปอยํางเทําเทียมกัน จึงถือไมํได๎วํา เป็นการเลือก
                  ปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอบุคคลเพราะเหตุแหํงความแตกตํางในเรื่องถิ่นก าเนิด เพศ อายุ สภาพทางกาย

                  หรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ตามที่บัญญัติไว๎ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 30

                  วรรคสาม แม๎วํา ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี ก าหนดให๎ถือเงินได๎พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได๎ของ
                  สามี โดยให๎สามีมีหน๎าที่ยื่นรายการเสียภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดาแทนภริยาจะกระทบกระเทือนตํอสิทธิและ

                  เสรีภาพของผู๎เป็นสามีอยูํบ๎างก็ตาม แตํก็เทําที่จ าเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีของรัฐ และมิได๎

                  กระทบตํอสาระส าคัญแหํงสิทธิและเสรีภาพสํวนบุคคลครอบครัว และทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว๎ใน
                  รัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ดังนั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี จึงไมํ ขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญ มาตรา

                  29 และ มาตรา 30





                         6) ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 37/2546

                         คดีนี้มีประเด็นวํา พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508  ไมํได๎ให๎สิทธิแกํชายตํางด๎าวที่สมรสกับ
                  หญิงไทยในการที่จะได๎สัญชาติโดยการแปลงชาติได๎เชํนเดียวกับหญิงตํางด๎าวที่สมรสกับชายสัญชาติไทยนั้น

                  กํอให๎เกิดปัญหาสถานะของบุคคลและการตั้งสถานะครอบครัวของหญิงที่ไมํเสมอภาคระหวํางหญิงสัญชาติ

                  ไทยกับชายสัญชาติไทยที่สมรสกับตํางด๎าว  ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎วเห็นวํา พระราชบัญญัติสัญชาติ
                  พ.ศ. 2508  มาตรา 9  วรรคหนึ่งบัญญัติวํา “หญิงซึ่งเป็นคนตํางด๎าวและได๎สมรสกับผู๎มีสัญชาติไทยถ๎า

                  ประสงค์จะได๎สัญชาติไทยให๎ยื่นค าขอตํอพนักงานเจ๎าหน๎าที่ตามแบบและวิธีการที่ก าหนดในกฎกระทรวง”
                  เมื่อพิจารณาแล๎วไมํถือเป็นบทบัญญัติที่กํอให๎เกิดความไมํเสมอภาคกันในกฎหมายระหวํางชายและหญิง

                  หรือเป็นการท าให๎ชายและหญิงไมํได๎มีสิทธิเทําเทียมกันด๎วยเหตุที่เป็นมาตรการที่รัฐก าหนดขึ้นให๎เหมาะสม
                  กับสภาพสังคมและความมั่นคงของประเทศซึ่งมิได๎ตัดสิทธิของชายตํางด๎าวที่สมรสกับหญิงสัญชาติไทยก็อาจ

                  ได๎สัญชาติไทยตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายบัญญัติ คือมาตรา 10 11 และ 12 ซึ่งไมํได๎ยุํงยาก

                  และกํอให๎เกิดปัญหาในสถานะของบุคคลแตํประการใดจึงมิใชํเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไมํเป็นธรรมตํอบุคคล
                  เพราะเหตุแหํงความแตกตํางในเรื่องเพศ ดังนั้นพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 9 จึงสอดคล๎อง

                  กับรัฐธรรมนูญมาตรา 30 แล๎ว


                         7) ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2546

                         ผู๎ร๎องเห็นวํา การก าหนดเงื่อนไขเพื่อกํอให๎เกิดสิทธิประโยชน์และการก าหนดเงื่อนเวลาขอใช๎สิทธิ
                  ประโยชน์หรือการสิ้นสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ มาตรา 56 วรรคหนึ่ง และ มาตรา

                  65 วรรคหนึ่งขัดหรือแย๎งตํอรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 และ มาตรา 30 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล๎วเห็นวํา
                  พระราชบัญญัติประกันสังคมฯ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อสร๎างหลักประกันให๎แกํลูกจ๎างและบุคคลอื่นที่
   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176