Page 75 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 75
ความปลอดภัยโดยมีส�านึกความรับผิดชอบและมีประสิทธิผล ประกอบกับการก�าหนดเงื่อนไขในการท�างาน กฎหมาย
ระหว่างประเทศก�าหนดว่า เงื่อนไขในการก�าหนดคุณสมบัติต้องจ�าเป็นหรือเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับลักษณะงานที่ปฏิบัติหน้าที่
นั้นด้วย (Inherent Requirement Exception) ดังนั้น การก�าหนดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องส�าเร็จการศึกษา
ภาคบังคับจึงไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและการรับรองเสรีภาพในการประกอบอาชีพตาม
หลักการของรัฐธรรมนูญ กรณีการก�าหนดลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยของผู้ที่เคยได้รับโทษจ�าคุกบางฐาน
ความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๓๔ ข้อ ข. (๓) เห็นว่ามี
ความสอดคล้องกับเป้าหมายและหลักความได้สัดส่วน และไม่กระทบกระเทือนสาระส�าคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพตามหลักการ
ของรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อพิจารณาถึงฐานความผิดที่ได้ก�าหนดไว้ในบทบัญญัติดังกล่าวที่มีการก�าหนดระยะเวลาจ�ากัด
สิทธิในการท�างานสามปีเท่ากันนั้น ยังไม่มีความเหมาะสม และไม่สอดคล้องกับหลักคุณธรรมทางกฎหมายในสิ่งที่เป็น
ประโยชน์ หรือเป็นสิ่งที่เป็นคุณค่าแตกต่างกัน เช่น ความผิดเกี่ยวกับชีวิตซึ่งมีคุณธรรมทางกฎหมายคือชีวิตมนุษย์ และ
ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หรือลักทรัพย์ธรรมดาซึ่งมีคุณธรรมทางกฎหมายคือกรรมสิทธิ์และการครอบครอง เป็นต้น และ
เมื่อได้พิจารณาเพิ่มเติมถึงประเด็นในเรื่องของการก�าหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เห็นว่าแต่เดิมไม่เคยมี
กฎหมายบัญญัติหรือก�าหนดคุณสมบัติเรื่องสัญชาติ และการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ได้ถูกสงวนไว้เฉพาะผู้ที่มี
สัญชาติไทย ดังนั้น การก�าหนดคุณสมบัติเรื่องสัญชาติไทยจึงไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
และหลักการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเด็นในเรื่องเจตนารมณ์ในการใช้บังคับกฎหมายนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติธุรกิจรักษา
ความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่สามารถยกระดับมาตรฐานธุรกิจรักษาความปลอดภัยและเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน
รักษาความปลอดภัยได้ และไม่สามารถใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิผล เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงบุคคลบาง
ประเภท ได้แก่ ผู้ให้บริการรักษาความปลอดภัยโดยตรงซึ่งไม่ผ่านบริษัทธุรกิจรักษาความปลอดภัย และการให้บริการรักษา
ความปลอดภัยโดยหน่วยงานของรัฐตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศก�าหนด นอกจากนี้ การที่กฎหมายได้ให้พนักงาน
รักษาความปลอดภัยมีอ�านาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา ๔๑ มีแนวโน้มว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชนได้
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นควรมีข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และข้อเสนอแนะนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
ข้อเสนอแนะนโยบาย
(๑) คณะรัฐมนตรีควรก�าหนดนโยบายให้ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยให้ความส�าคัญในเรื่อง
การพัฒนาทักษะหรือการฝึกอบรมพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนเพื่อให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานสากล ได้แก่ แนวปฏิบัติระหว่างประเทศ PSCs รวมถึงการก�าหนดมาตรการเยียวยาอื่น ๆ เมื่อเกิดการกระท�าที่มี
การละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลักการชี้แนะเรื่องสิทธิมนุษยชนส�าหรับธุรกิจก�าหนดหลักการพื้นฐานต่อความรับผิดชอบของ
ภาคธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (Guiding Principles for Business and Human Rights: Implementing the United
Nations “Protect Respect and Remedy” Framework) หรือหลักการ UN Guiding Principles for Business and
Human Rights (UNGPs)
(๒) คณะรัฐมนตรี โดยส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ คณะกรรมการก�ากับธุรกิจรักษาความปลอดภัย องค์การ
สงเคราะห์ทหารผ่านศึก และภาคธุรกิจรักษาความปลอดภัยเอกชน ควรหารือร่วมกันให้เกิดการมีส่วนร่วมเพื่อให้กฎหมาย
สามารถใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ร่วมกันก�าหนดมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและมาตรฐานหลักสูตร
การรักษาความปลอดภัยกลางที่ครอบคลุมเจ้าของกิจการที่จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นลูกจ้างโดยตรง และ
การให้บริการรักษาความปลอดภัยโดยบริษัทที่ให้บริการธุรกิจรักษาความปลอดภัยอันจะก่อให้เกิดความเสมอกันใน
74 | รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
