Page 74 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 74
บทที่ ๒ ผลการด�าเนินงานประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
๓) ในระหว่างการด�าเนินการตามข้อ ๑) และ ๒) ควรก�าหนดมาตรการชั่วคราวให้หญิงวัยเจริญพันธุ์
ต้องได้รับประทานกรดโฟลิกเสริมในปริมาณที่เหมาะสมตามความเห็นของนักวิชาการที่เชี่ยวชาญในระยะก่อนปฏิสนธิ ๓ เดือน
ต่อเนื่องจนถึงช่วงที่มีการปฏิสนธิแล้วครบก�าหนด ๓ เดือน
(๒.๓) ควรให้ (๒.๓.๑) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยส�านักงานคณะกรรมการ นโยบาย
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (๒.๓.๒) ส�านักนายกรัฐมนตรี โดยส�านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
ส�านักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และส�านักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และ (๒.๓.๓) กระทรวง
สาธารณสุข โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สนับสนุนจัดสรรหรือหาแหล่งเงินทุนเพื่อการวิจัยส�าหรับพัฒนานโยบาย บทที่ ๒
และแผนการด�าเนินงานส�าหรับการก�าหนดเติมกรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบในอาหารจนสามารถปฏิบัติได้จริง
ความส�าเร็จ/ความก้าวหน้าในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลด�าเนินการว่า รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สั่งและปฏิบัติ
ราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้มีค�าสั่งมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส�านักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และให้กระทรวงสาธารณสุขสรุปผลการพิจารณา
หรือผลด�าเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน เพื่อน�าเสนอ
คณะรัฐมนตรีต่อไป
กรณีที่ ๖ สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติธุรกิจ
รักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ ก�าหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ
พนักงานรักษาความปลอดภัยมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
ประเด็นการร้องเรียน
ผู้ร้องได้ร้องเรียนขอให้มีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ละเมิด
ต่อหลักการสิทธิมนุษยชน กรณีกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติมาตรา ๓๔ ข้อ ก. (๓) และข้อ ข. (๓) ที่ก�าหนดคุณสมบัติและ
ลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นบทบัญญัติที่ขัดแย้งต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพของ
พนักงานรักษาความปลอดภัยเดิมและกระทบต่อบริษัทรักษาความปลอดภัย และบทนิยามของค�าว่า “ธุรกิจรักษา
ความปลอดภัย” ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ มีลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ให้บริการ
ในธุรกิจรักษาความปลอดภัยเอกชน
การด�าเนินการ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีการก�าหนดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยต้อง
ส�าเร็จการศึกษาภาคบังคับ เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นไป
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานรักษาความปลอดภัยในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม และเมื่อพิจารณาถึง
มาตรฐานระหว่างประเทศ ได้แก่ แนวปฏิบัติระหว่างประเทศส�าหรับการให้บริการรักษาความปลอดภัยเอกชน (International
Code of Conduct for Private Security Service Provider: PSCs) ที่กล่าวถึงคุณสมบัติของพนักงานรักษาความ
ปลอดภัยโดยให้ความส�าคัญกับมาตรฐานและทักษะในการท�างาน โดยไม่ได้ระบุถึงระดับการศึกษา คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีความเห็นว่า ระดับการศึกษามิได้เป็นหลักประกันว่าผู้ที่ส�าเร็จการศึกษาภาคบังคับจะปฏิบัติหน้าที่รักษา
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | 73