Page 79 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 79

(๔)  เมื่อมีการใช้เครื่องพันธนาการใด ๆ แล้ว กรมราชทัณฑ์ควรก�าหนดให้มีมาตรการที่พึงใช้เพื่อป้องกันการละเมิด
           สิทธิมนุษยชนต่อผู้ต้องขังเป็นครั้งที่สอง จากการที่ถูกถ่ายภาพหรือเสนอข่าวต่อสาธารณชนโดยท�าให้ปรากฏต่อสาธารณชน
           ว่าผู้ต้องขังถูกใส่เครื่องพันธนาการ เนื่องจากย่อมเป็นการลดคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
           โดยอาจใช้เครื่องแต่งกายของผู้ต้องขังที่สามารถปิดบังเครื่องพันธนาการไว้ และในระหว่างน�าตัวผู้ต้องขังไปนอก

           เรือนจ�า ควรป้องกันมิให้มีการถ่ายภาพผู้ต้องขังซึ่งมีเครื่องพันธนาการดังกล่าว


                   (๕)  ในการควบคุมตัวผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ควรมีการแยกประเภทผู้ต้องขังระหว่างประเภทความผิดอุกฉกรรจ์
           โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดที่กระท�าต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ที่มีลักษณะใช้ความรุนแรง กับอีกประเภทหนึ่งคือผู้ต้องขัง

           ที่กระท�าความผิดต่อความมั่นคง หรือความผิดในทางการเมือง หรือความผิดในลักษณะที่ถูกก�าหนดให้เป็นความผิด
           ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นภยันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน โดยผู้ต้องขังประเภทนี้ควรจะได้รับการพิจารณาเป็นกรณี ๆ ว่า
           ควรจะควบคุมตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสม


                   ผลส�าเร็จ/ความก้าวหน้าในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน



                   กรมราชทัณฑ์แจ้งผลด�าเนินการว่า ได้ก�าชับเรือนจ�าพิเศษกรุงเทพมหานคร ในการพิจารณาใช้เครื่องพันธนาการ
           แก่ผู้ต้องขังให้ถือปฏิบัติตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ และกฎกระทรวงมหาดไทยออกตาม

           ความในมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พร้อมทั้งมีหนังสือสั่งการให้ปฏิบัติ
           ด้วยความระมัดระวังและเคร่งครัดแล้ว และมีการด�าเนินการที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
           แห่งชาติก�าหนดแล้ว เว้นแต่ประเด็นเกี่ยวกับการใช้เครื่องแต่งกายปิดบังเครื่องพันธนาการของผู้ต้องขัง ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีข้อ
           สังเกตว่า การด�าเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในการควบคุมผู้ต้องขังด้วยเช่นกัน และประเด็น

           เกี่ยวกับการป้องกันมิให้มีการถ่ายภาพผู้ต้องขังที่มีเครื่องพันธนาการ เห็นว่า กสม. ควรจัดท�าข้อเสนอต่อรัฐ เพื่อให้จัดท�า
           ช่องทางพิเศษส�าหรับผู้ต้องขังโดยความร่วมมือและงบประมาณระหว่างศาลยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม


           กรณีที่  ๘  สิทธิในกระบวนการยุติธรรม  กรณีกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
           จากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน



                   ประเด็นการร้องเรียน



                   ผู้ร้องได้ร้องเรียนผ่านผู้อ�านวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขอให้ตรวจสอบกรณีกล่าวอ้างว่า
           เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๖.๓๐ นาฬิกา เจ้าหน้าที่ต�ารวจสถานีต�ารวจภูธร ก. จังหวัดร้อยเอ็ด (ผู้ถูกร้อง)
           ได้จับกุมผู้ร้องตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดที่ จ.๓๐๘/๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ แล้วน�าตัวไปคุมขังที่
           สถานีต�ารวจภูธร ก. จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ร้องเคยถูกด�าเนินคดีตามหมายจับดังกล่าว และศาลจังหวัดร้อยเอ็ดมีค�าพิพากษา

           ยกฟ้องแล้ว ตามคดีหมายเลขด�าที่ ๔๔๐๙/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ ๓๙๒๑/๒๕๕๘ จึงเห็นว่าการกระท�าของผู้ถูกร้อง
           เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ


                   การด�าเนินการ



                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ถูกร้องได้เข้าจับกุมผู้ร้องแล้วน�าตัวไปคุมขังที่สถานี
           ต�ารวจภูธร ก. จังหวัดร้อยเอ็ด ตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดที่ จ.๓๐๘/๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดย



            78  |  รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84