Page 73 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 73

การด�าเนินการ


                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า ประชาชนคนไทยย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการส่งเสริม
           และสนับสนุนการมีสุขภาพที่ดี อันถือเป็นหลักการที่ส�าคัญของสิทธิมนุษยชนที่ต้องได้รับตามมาตรฐานสูงสุด ซึ่งมีวิธีการที่

           หลากหลายที่จะน�าไปสู่การได้รับสิทธิของบุคคลในด้านสุขภาพ อาทิ การก�าหนดนโยบาย หรือการน�าหลักการหรือองค์ความรู้
           ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ศึกษาและมีข้อเสนอแนะต่อประเทศทั่วโลกมาปรับใช้ หรือการตรากฎหมายที่จ�าเป็น
           เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ อันรวมถึงการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งในส่วนสิทธิของมารดาและการพัฒนาสุขภาพของ
           เด็กให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง จ�าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่การวางแผน

           ครอบครัว การฝากครรภ์ในระยะก่อนและหลังคลอดบุตร ดังนั้น การพัฒนานโยบายและแผนการด�าเนินงานเพื่อลดความ
           พิการแต่ก�าเนิด โดยการก�าหนดให้กรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบในอาหารจึงเป็นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการได้รับบริการ
           สาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งได้วางหลักการ
           และคุ้มครองไว้ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการสาธารณสุขที่เหมาะสม เป็นไปอย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพ

           และได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งมีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา
           ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และได้รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช
           ๒๕๕๗ (ในขณะนั้น) รวมทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่า
           ด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ข้อ ๑๒ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ ๒๔ ซึ่งให้การคุ้มครองและรับรองว่า

           รัฐภาคีควรด�าเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดอัตราการตายของทารกก่อนคลอด และของเด็กแรกเกิด ตลอดจนประกันให้มี
           การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมแก่มารดาทั้งก่อนและหลังคลอด รวมถึงการแนะแนวให้ความรู้แก่บิดามารดาในเรื่องโภชนาการ
           และการวางแผนครอบครัว เพื่อพัฒนาการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันแก่มารดาและบุตรให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
           จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะนโยบายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้



                   ข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย


                   (๑) ควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงสาธารณสุข  ร่วมกันเป็นหน่วย

           งานหลักในการผลักดันนโยบายและแผนการด�าเนินงานส�าหรับการก�าหนดให้กรดโฟลิก เป็นส่วนประกอบในอาหาร


                   (๒) ควรให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย และส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยา
                      (๒.๑) ส่งเสริมการให้โภชนศึกษาแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์และคู่สมรสที่พร้อมจะมีบุตรให้ได้รับทราบถึงประโยชน์

           ของกรดโฟลิกในการลดความพิการแต่ก�าเนิดของทารก
                      (๒.๒) เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนานโยบายและแผนการด�าเนินงานส�าหรับการก�าหนด ให้เติมกรดโฟลิก
           เป็นส่วนประกอบในอาหาร โดยอาศัยอ�านาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังนี้
                            ๑) พัฒนานโยบายและแผนการด�าเนินงานส�าหรับการก�าหนดให้เติมกรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบใน

           อาหาร โดยเร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน เช่น สภา
           อุตสาหกรรมอาหาร สถาบันเทคโนโลยีการอาหาร เป็นต้น
                            ๒) เร่งประสานความร่วมมือกับสถาบันโภชนาการต่าง ๆ อาทิ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
           ฯลฯ ให้ด�าเนินการศึกษาวิจัยเพื่อก�าหนดปริมาณของกรดโฟลิกที่ควรได้รับต่อวัน เพื่อก�าหนดชนิดของอาหารที่เหมาะสม

           ส�าหรับการเติมกรดโฟลิกลงไป โดยค�านึงถึงวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารของคนไทยซึ่งต้องสอดคล้องกับห่วงโซ่อุปทาน
           ของอาหารและคุณภาพของอาหาร (สี กลิ่น รสชาติ) และต้นทุนในกระบวนการผลิต ตลอดจนความเสถียรคงรูปตามอายุของ
           อาหารในการวางจ�าหน่าย



            72  |  รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78