Page 135 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 135

ส�าหรับการประเมินสภาพแวดล้อม สถานการณ์ส�าคัญ
           ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่าง
           ประเทศที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย รวมทั้งประเมินแนวโน้ม
           สถานการณ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.

           ๒๕๖๐ – ๒๕๖๒ คณะผู้วิจัยได้ท�าการประเมินสภาพแวดล้อมเชิง
           มหภาคที่ก�าลังเกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง ๓ ปี ข้างหน้า
           (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒) โดยผลการประเมินสภาพแวดล้อมบ่งชี้
           ถึงสถานการณ์ที่ส�าคัญใน ๔ มิติ ประกอบไปด้วย มิติทางด้าน

           เศรษฐกิจ มิติทางด้านสังคม มิติทางด้านสิ่งแวดล้อม และมิติทาง
           ด้านธรรมาภิบาล


                   จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง คณะผู้วิจัยจึงได้

           จัดท�าแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนในภาพรวมที่มีความ
           เชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
           พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๕ จ�านวน ๒๕ กลยุทธ์ โดยมีสาระส�าคัญดังนี้



                   กลยุทธ์ที่ ๑ :  การให้ค�าปรึกษาในการจัดท�าแผนปฏิบัติการ
           แห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (National Action Plan
           on Business and Human Rights: NAP)
                   กลยุทธ์ที่ ๒ : การประมวลข้อสรุปจากเรื่องร้องเรียนออกมาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

                   กลยุทธ์ที่ ๓ : การตรวจสอบประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นจากภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น
           โครงการขนาดใหญ่ แย่งชิงฐานทรัพยากร การท�าลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น การตรวจสอบผลการด�าเนินงานของภาครัฐ
           อาทิ ภาครัฐมีกลไกการคุ้มครองและเยียวยาในทางปฏิบัติเป็นอย่างไร และกลไกการตรวจสอบของภาครัฐ
                   กลยุทธ์ที่ ๔ :  การสนับสนุนเชิงเทคนิคและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น การให้ความรู้ในกระบวนการ

           เยียวยาของศาลและภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การผลักดันแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน และการผลักดันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพิ่มเติม
                   กลยุทธ์ที่ ๕ : การสนับสนุนการเชื่อมโยงแผนต่าง ๆ ของประเทศให้มีประเด็นสิทธิมนุษยชนให้เด่นชัดมากขึ้น
                   กลยุทธ์ที่ ๖ : การให้ข้อเสนอเชิงนโยบาย หรือปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่
           เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ เช่น การให้มีกฎหมายการต่อต้านการฟ้องร้องด�าเนินคดีเพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณะ

           (Anti-SLAPP) การให้มีการคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนหรือผู้ให้ข้อมูล (whistle blower) และการสนับสนุนให้ท�า
           การวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย (RIA) เป็นต้น
                   กลยุทธ์ที่ ๗ : การสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนกับการประกอบธุรกิจ (CSR เป็นจุดเริ่ม
           ที่ดีแต่ยังไม่เพียงพอ) รวมไปถึงความส�าคัญของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่เคารพสิทธิมนุษยชน

                   กลยุทธ์ที่ ๘ : การผลักดันการเผยแพร่คู่มือ HRDD ในภาคปฏิบัติ
                   กลยุทธ์ที่ ๙ : การให้ค�าแนะน�าทางเทคนิคว่าด้วยการจัดท�ารายงานประจ�าปี รวมทั้งการส่งเสริมให้บริษัทจัดตั้ง
           กลไกในการขับเคลื่อนภายในองค์กรเพื่อด�าเนินงานตามนโยบายของบริษัท เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการสนับสนุนมาตรฐาน
           แรงงาน ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐานจะสะท้อน KPI ของบริษัท และภาพลักษณ์ของประเทศ

                   กลยุทธ์ที่ ๑๐ : การจัดท�าฐานข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยภาคเอกชน เพื่อน�าไปสู่การถอดบทเรียนว่า
           ประเด็นร่วม (common issue) ของธุรกิจแต่ละสาขา และจัดท�าข้อเสนอแนะกับภาคเอกชนถึงแนวทางการปฏิบัติที่ดี
                   กลยุทธ์ที่ ๑๑ : การเฝ้าระวังปัญหาเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นจากภาคเอกชน เช่น เกษตรพันธสัญญา การค้ามนุษย์
           แย่งชิงฐานทรัพยากร การท�าลายสิ่งแวดล้อม การลงทุนของธุรกิจไทยในต่างประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

            134 |  รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140