Page 131 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 131
ต่าง ๆ เคารพสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนาประสิทธิภาพในการท�างานขององค์กร
โดยในปี ๒๕๖๐ กสม. ได้ด�าเนินการศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนแล้วเสร็จ รวม ๓ เรื่อง และอยู่ระหว่างการด�าเนินการ
ศึกษาวิจัย อีกจ�านวน ๓ เรื่อง ได้ด�าเนินการน�าผลงานการศึกษาวิจัยที่ด�าเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วจัดท�าสื่อเพื่อเผยแพร่
ผลงานการศึกษาวิจัยสู่สังคม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน จ�านวน ๓ เรื่อง ได้แก่
๑. การศึกษาวิจัย เรื่อง “การตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due
Diligence) และการจัดท�าคู่มือประเมินผลด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของธุรกิจการโรงแรม รวมทั้ง
รายการตรวจสอบ (checklist) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการโรงแรม”
ผู้ศึกษาวิจัย : สถาบันวิจัยและให้ค�าปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล)
สาระส�าคัญของการศึกษาวิจัย
โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดท�า (๑) รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “การตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง
รอบด้าน (Human Rights Due Diligence)” เพื่อเป็นองค์ความรู้โดยรวมเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง
รอบด้านตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (๒) คู่มือประเมินผลด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง
รอบด้าน (Human Rights Due Diligence Handbook) ของธุรกิจการโรงแรม และ (๓) รายการตรวจสอบ (checklist)
ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการโรงแรม ให้เป็นไปตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อใช้เป็น
คู่มือในการตรวจสอบและประเมินสถานะขององค์กรในด้านสิทธิมนุษยชนของธุรกิจการโรงแรม โดยมีสาระส�าคัญจากผล
การศึกษาวิจัย ดังนี้
หลักการตรวจสอบและประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence : HRDD)
ได้รับการระบุไว้ในหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNGPs) ซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่
พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นเอกสารที่จัดท�าและเผยแพร่โดยส�านักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
(OHCHR) โดยการสนับสนุนของเลขาธิการสหประชาชาติ มีศาสตราจารย์จอห์น รักกี้ (John Ruggie) จาก
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในฐานะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเป็นผู้จัดท�า หลักการชี้แนะเป็นกรอบ
ส�าหรับรัฐในการควบคุมให้ภาคเอกชนเคารพสิทธิมนุษยชนด้วยการจัดท�า “พิมพ์เขียว” ส�าหรับบริษัทต่าง ๆ เพื่อ
เป็นมาตรฐานสากลในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเป็นการน�าเสนอแนวทางในการจัดการความเสี่ยงในการละเมิด
สิทธิมนุษยชนที่ไม่พึงประสงค์ โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคธุรกิจ และประชาสังคมเช่นเดียวกับจากรัฐต่าง ๆ โดยมีหลักการ
วางอยู่บนหลัก ๓ ประการ คือ (๑) การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Protect) คือ รัฐมีหน้าที่ในการคุ้มครอง ไม่ให้มีการละเมิด
สิทธิมนุษยชนจากองค์กรของรัฐหรือบุคคลที่สาม ซึ่งหมายรวมถึงองค์กรภาคธุรกิจต่าง ๆ ด้วย (๒) การเคารพสิทธิมนุษยชน
(Respect) องค์กรและบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรภาคธุรกิจมีหน้าที่ในการเคารพสิทธิมนุษยชน (๓) การเยียวยา
(Remedy) เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น รัฐจะต้องจัดให้มีการเยียวยาที่เหมาะสม รวมทั้งยังเรียกร้องให้องค์กร
ภาคธุรกิจควรจัดให้มีช่องทางในการร้องเรียน และเยียวยาเมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นด้วย ไม่ว่าโดยกิจการ
นั้นเอง หรือการรวมกลุ่มองค์กรภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รวมกันเป็นสมาคมธุรกิจ
ในหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNGPs) ได้ระบุถึงกระบวนการตรวจสอบ
ด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) ไว้ในหลักการข้อที่ ๑๗ - ๒๒ ซึ่งได้ก�าหนด
กรอบเพื่อให้ธุรกิจสามารถติดตามประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง โดยมุ่งหวังว่าองค์กรธุรกิจควรด�าเนินธุรกิจอย่าง
รับผิดชอบ โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนในการป้องกัน ลดความสูญเสีย มีการประเมินผลกระทบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
130 | รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐