Page 24 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 24
บทสรุปเชิงผู้บริหาร
กรณีอุบัติเหตุภายใน ๗๒ ชั่วโมงแรกที่ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้ป่วย การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
การน�าเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพมาใช้พัฒนาปรับปรุงระบบการบริการ การประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุม บทสรุป
การส่งเสริมการตลาดอาหารส�าหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความก้าวหน้าสิทธิด้านสุขภาพยังมีปัญหาและอุปสรรคในเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับ
ความเหลื่อมล�้าในการเข้าถึงได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนชายขอบซึ่งยังเข้าไม่ถึงการบริการ และรัฐบาลจึงจ�าเป็นต้องด�าเนินการ
อย่างต่อเนื่องในการเข้าถึงสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์ ผ่านระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์
การสาธารณสุขในสถานกักขังและเรือนจ�า การให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และ
การใช้สารเคมีป้องกันและก�าจัดศัตรูพืชซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล
เร่งด�าเนินการปฏิรูปด้านสาธารณสุขในเรื่องระบบหลักประกันสุขภาพ ระบบการแพทย์ปฐมภูมิ การสนับสนุนก�าลังบุคลากร
ด้านสาธารณสุข เพื่อลดความเหลื่อมล�้าของประชาชนในการเข้าถึงสิทธิในการรับบริการสาธารณสุขของรัฐ
สิทธิในการท�างาน
กติกา ICESCR ได้ประกันสิทธิในการท�างาน ไว้ในข้อ ๖-๘ ได้แก่ (๑) สิทธิในการท�างาน (๒) สิทธิในการ
ได้รับเงื่อนไขการท�างานที่เหมาะสมเป็นธรรม และ (๓) สิทธิที่จะก่อตั้งและเข้าร่วมสหภาพแรงงาน ในขณะที่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้มีบทบัญญัติด้านสิทธิในการท�างาน
ไว้ในมาตรา ๓๐ มาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๒
ในปี ๒๕๖๐ รัฐบาลด�าเนินการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการท�างานในหลายส่วน อาทิ
การประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการเกษียณอายุ และ
การจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างกรณีเกษียณอายุ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต�่าเพิ่มขึ้นในบางท้องที่ การด�าเนินมาตรการการ
บริหารจัดการแรงงานนอกระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับข้อสังเกตเชิงสรุปต่อรายงานการปฏิบัติงานฉบับที่ ๑ และ ๒
ของคณะกรรมการประจ�ากติกา ICESCR และข้อเสนอแนะจากกระบวนการ UPR รอบที่ ๒ โดยเฉพาะเรื่องการขยาย
ความคุ้มครองหลักประกันสังคม เป็นต้น อย่างไรก็ดี ยังพบว่ามีปัญหาและอุปสรรคบางประการที่ท�าให้การคุ้มครอง
สิทธิในการท�างานไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร
อาทิ การเรียกร้องค่าจ้างขั้นต�่าที่ไม่สอดคล้อง
กับค่าครองชีพและการเพิ่มค่าจ้างไม่เท่ากัน
ทั้งประเทศ รวมทั้งไม่ได้เป็นอัตรา
ค่าจ้างขั้นต�่าแรกเข้าที่เพียงพอต่อการ
เลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัวอีก ๒ คน
ตามหลักการขององค์การ ILO ตลอดจน
การที่รัฐยังไม่มีความก้าวหน้าในการเข้าเป็น
ภาคีอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘
เท่าที่ควร รวมไปถึงเรื่องความไม่ครอบคลุม
ของกลุ่มลูกจ้างในการก�าหนดอัตราค่าจ้าง
ขั้นต�่าของกลุ่มลูกจ้างบางกลุ่ม บางประเภท
และการขาดการตรวจสอบข้อบังคับเกี่ยวกับ
การท�างาน ซึ่งเป็นกรณีตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | 23